กันสวมสิทธิ์บัตรทอง นำร่องกทม.ใช้แค่บัตรปชช.

by ThaiQuote, 11 ธันวาคม 2563

สปสช.เตรียมระบบพิสูจน์ตัวตนด้วยบัตรประชาชน ก่อนนำร่องทั่ว กทม. 1 ม.ค. 64 ป้องกันสวมสิทธิ

 

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงการดำเนินงานการใช้บัตรประชนชนแบบสมาร์ทการ์ด เพื่อพิสูจน์ตัวตนในการใช้สิทธิรักษาพยาบาล ซึ่งสอดรับกับนโยบายยกระดับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ในการให้คนกรุงเทพมหานคร (กทม.) รักษาทุกที่ ณ เครือข่ายหน่วยบริการชุมชนอบอุ่นว่า หนึ่งในหัวใจสำคัญของการให้บริการทั้งในส่วนของการรักษาพยาบาล และการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค คือการพิสูจน์ยืนยันตัวตนของประชาชนที่เข้ารับบริการ ด้วยการใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดผ่านระบบไอที โดยจะดำเนินการได้ทั่วทั้ง กทม. ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2564 และทยอยสู่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป

 

 

สำหรับประโยชน์ของการพิสูจน์ยืนยันตัวตนนี้ จะเกิดกับทั้งในส่วนของโรงพยาบาลที่สามารถให้บริการกับผู้ป่วยได้ตรงตัวบุคคล และในส่วนของ สปสช. ที่จะจ่ายเงินได้ตรงกับผู้ที่เข้าใช้บริการจริง เพื่อป้องกันปัญหาจากการสวมสิทธิ ขณะที่ประชาชนเองก็จะได้รับประโยชน์จากความรวดเร็วของการเข้ารับบริการ โดยการถือบัตรประชาชนมาใบเดียวที่สามารถบันทึกประวัติและเข้ารับระบบริการได้ทันที

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เยี่ยมชมการดำเนินงานการใช้บัตรประชนชนแบบสมาร์ทการ์ด เพื่อพิสูจน์ตัวตนในการใช้สิทธิรักษาพยาบาล ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งในส่วนของ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า นับเป็นที่พึ่งของประชาชนโดยเฉพาะชาวฝั่งธนบุรี และบริเวณโดยรอบซึ่งมีโรงพยาบาลอยู่ไม่มาก

 

 

โดยเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีการให้บริการสูงกว่ามาตรฐาน มีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เป็นโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหมภายใต้รัฐบาล จึงร่วมให้การดูแลประชาชนในระบบบัตรทองได้อย่างครอบคลุม

"จากการดำเนินงานของ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ทำให้เห็นว่าการบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดใช้พิสูจน์ตัวตนได้ และช่วยตรวจจับการสวมสิทธิได้จริง แม้จะมีการเพิ่มขั้นตอนบ้างในระยะแรก แต่ต่อไปจะสะดวกมากขึ้นจากการเชื่อมต่อกับระบบไอทีต่างๆ ซึ่งบุคลากรที่นี่มีความพร้อมที่จะดำเนินตามนโยบายในการยกระดับบัตรทอง" นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

 

 

 

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเกือบทุกแห่งใน กทม. รวมถึงคลินิกที่กำลังจะเข้ามาใหม่ในระบบ ต่างมีความพร้อมที่จะใช้ระบบพิสูจน์ตัวตนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงการดำเนินงานที่จะกระจายต่อไปในทั่วประเทศที่จะตามมา ซึ่งโรงพยาบาลส่วนใหญ่ของต่างจังหวัดอยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จึงจะสามารถดำเนินการต่อได้ไม่ยาก

น.อ.พัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุน รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กล่าวว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นโรงพยาบาลตติยภูมิ ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการรักษาในระดับสูง ดังนั้นการจัดสรรสรรทรัพยากรที่เหมาะสม โดยให้ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ดูแลในเคสที่ยากและมีความซับซ้อน ขณะที่เคสทั่วไปประชาชนก็สามารถเข้ารับบริการใกล้บ้านได้ ก็จะทำให้เกิดความสะดวกกับทั้งผู้ป่วย และลดความแออัดในโรงพยาบาล

"ในส่วนของการเชื่อมต่อระหว่างสมเด็จพระปิ่นเกล้าซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย กับคลินิกหรือสถานพยาบาลอื่นในเครือข่าย ด้วยการพัฒนาระบบยืนยันตัวตนผ่านสมาร์ทการ์ด ก็จะยิ่งทำให้เกิดความสะดวกสบาย คนไข้ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาลบ่อยๆ เมื่อไปแล้วก็รับบริการได้ทันที" น.อ.พัฒนชัย กล่าว

นพ.ปราโมทย์ กาญจนกิจสกุล หัวหน้ากลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า กล่าวว่า ปัจจุบันระบบการใช้สมาร์ทการ์ดของโรงพยาบาลพร้อมแล้วในแผนกสูตินรีเวชกรรม โดย สปสช.มีสิทธิประโยชน์มากมายให้กับผู้เข้ารับบริการในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการฝากครรภ์ ตรวจอาการดาวน์ซินโดรม ต่างๆ เป็นต้น รวมถึงในแผนกอื่นๆ ของโรงพยาบาลที่จะทยอยตามมาด้วยเช่นกัน

 

 

นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามปัญหาของการใช้ระบบสมาร์ทการ์ดนั้น มีในส่วนของประชาชนบางรายที่ยังใช้บัตรประชาชนรุ่นเก่าที่ไม่มีสมาร์ทการ์ดอยู่ กับอีกส่วนคือประชาชนที่เข้ารับบริการแล้วลืมพกบัตรประชาชนมา ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงใช้วิธีการกรอกข้อมูล พร้อมกับเวชระเบียนที่มีการถ่ายรูปเพื่อยืนยันตัวตนอีกระดับหนึ่ง

"อยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้รับบริการที่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ควรนำบัตรประชาชนติดตัวมาด้วยทุกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนและสะดวกในการดำเนินงาน ทำให้การให้บริการรวดเร็วขึ้น ขณะที่ประชาชนบางคนที่ยังใช้บัตรแบบเก่าที่ไม่มีชิป ก็ควรทำการเปลี่ยนบัตรประชาชน ซึ่งสมัยนี้การทำบัตรแบบใหม่ใช้เวลาไม่นาน" นพ.ปราโมทย์ กล่าว

 

 

ด้าน รศ.ทพ.ทองนารถ คำใจ คณบดีคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เขตทวีวัฒนา กล่าวว่า ทางสหคลินิกมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการเครือข่ายปฐมภูมิที่ดูแลประชาชนในระบบบัตรทอง และมีความพร้อมในการใช้ระบบสมาร์ทการ์ดเพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตนผู้มาใช้สิทธิ โดยได้เริ่มประชาสัมพันธ์ในกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และชุมชนโดยรอบ ซึ่งคาดว่าจะมีตัวเลขผู้เข้ามาลงทะเบียนใช้สิทธิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

รศ.ทพ.ทองนารถ กล่าวว่า สหคลินิกฯ ได้รับเป้าหมายจาก สปสช. ในการรองรับผู้ที่เข้ามาใช้สิทธิได้ 1 หมื่นคน โดยทางสหคลินิกฯ มีความพร้อมในการให้บริการทั้งส่วนของเวชกรรมและทันตกรรม ซึ่งมีคณาจารย์และทันตแพทย์เข้ามาให้บริการทุกวัน รวมทั้งยังมีความพร้อมในการรองรับผู้ใช้สิทธิบัตรทองใน กทม. จากพื้นที่อื่นที่ยังเป็นสิทธิว่าง ให้สามารถมาใช้สิทธิที่นี่ได้ด้วยเช่นกัน

 

ข่าวที่น่าสนใจ