เปิดกลโกงเลือกตั้ง อบจ.ภาคใต้ ทุ่มเงินซื้อเสียง-แทงพนันปั่นคะแนน

by ThaiQuote, 22 ธันวาคม 2563

ThaiQuote Team

ไม่แปลกใจ ที่ก่อนหน้านี้ 2 ส.ส.บิ๊กเนมของพรรคร่วมรัฐบาล จะออกมาเรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยเฉพาะในพื้นที่บางจังหวัดในภาคใต้ เนื่องจากพบมีการร้องเรียนการซื้อสิทธิขายเสียงอย่างกว้างขวาง และพบการเคลื่อนไหวของผู้มีอิทธิพลที่วิ่งเต้นขอคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครบางรายกันฝุ่นตลบอบอวล

นักการเมืองมือเก๋าเกมทั้งคู่ คงไม่ออกตัวแรงอย่างนี้ หากว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีน้ำหนักพอที่จะได้กลิ่นโกงการเลือกตั้งในพื้นที่รับผิดชอบของตนเองในภาคใต้ จึงออกมาท้วงติง และบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ในพื้นที่ปักษ์ใต้

“ThaiQuote” ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเมืองภาคใต้ รวมไปถึงพื้นที่จังหวัดใหญ่ของด้ามขวาน แต่ทีน่าตกใจคือเขาอ้างถึง "วิธีกลโกง" ที่ถือว่าทำกันมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งสนามเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศ และสนามท้องถิ่น โดยมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ 1.การทุ่มซื้อเสียง 2.การเปิดรับแทงพนันผู้สมัครหวังผลปั่นคะแนน

“ปีนี้เลือกตั้งอบจ. มีการทุ่มซื้อเสียงล่วงหน้าเป็นสัปดาห์เริ่มกันตั้งแต่ว่าที่ผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้ง เท่าที่ทราบญาติพี่น้องผู้สมัครบางรายถึงกับโทรล็อบบี้กับทีมงาน หรือฐานเสียงของคู่แข่งเพื่อขอกันโดยดี เมื่อขอกันไม่ได้คราวนี้ก็เริ่มทุ่มซื้อ หนักสุดก็คืนหมาหอน ที่ซื้อเฉพาะเจาะจงเป็นรายหมู่บ้าน รายตำบลที่คะแนนตามอยู่ หมู่บ้านละ 1.5 แสนบาท หรือเฉลี่ยก็ตำบลละ 6 แสนบาท” แหล่งข่าวเริ่มต้นกล่าวถึงการทุจริตในพื้นที่จังหวัดหนึ่งในภาคใต้

จากข้อมูลของแหล่งข่าวเรื่องของตัวเลขการซื้อเสียงซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจพอสมควร กับการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น หากคำนวณมูลค่าการซื้อเสียงทั้งหมด โดย จังหวัดแห่งนี้มีทั้งหมดกว่า 100 ตำบล มีตัวเลขการซื้อเสียงตำบลละ 6 แสนบาท จะได้เท่ากับเงินที่ใช้ในการซื้อเสียงทั้งหมดประมาณ 102 ล้านบาท

เมื่อถามถึงความคุ้มค่าของการซื้อเสียงด้วยเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ แหล่งข่าวคนเดิมได้ขยายความให้ฟังว่า หากนับจำนวนงบประมาณของอบจ.แห่งนี้ ในปี 2564 มีทั้งหมด 530 ล้านบาท รวม 4 ปี (วาระดำรงตำแหน่งนายก.อบจ.) จะเท่ากับ 2,120 ล้านบาท ตัวเลขนี้หักเงินทอน 35% เท่ากับ 742 ล้านบาท (เงินทอนนี้อาจใช้เป็นทุนในการเลือกตั้งระดับประเทศ) จะเหลือเป็นเงินงบประมาณจริง 1,378 ล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการต่างๆ แน่นอนว่าเมื่อทุ่มเงินเลือกตั้งแล้ว ก็จะต้องถอนทุนคืนจากเงินงบประมาณที่เหลือในรูปแบบหัวคิวงานโครงการต่างๆ อีก

ขณะที่รูปแบบที่ 2 หากทีมผู้สมัครเลือกตั้งยังไม่มั่นใจในคะแนนที่ได้รับ ก็จะการเปิดพนันรับแทงหาผู้ชนะได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อีกขั้นตอนหนึ่ง ตัวอย่างเช่น มีผู้สมัคร 3 คน เบอร์1, 2 และ 3 ก่อนการเลือกตั้งหากพบว่า เบอร์ 3 มีคะแนนนำผู้สมัครของตนเองคือเบอร์ 2 อยู่เท่าตัว การเปิดรับพนัน จะกำหนดให้เลือกแค่เบอร์ 1 และ 2 เท่านั้น โดยตัดทิ้งเบอร์ 3 ออกไป

ขั้นตอนต่อไปคือ การออกราคาแต้มต่อให้เบอร์ 1 ซึ่งไม่ใช่ผู้สมัครของตนเอง มีแต้มต่อที่สูงกว่า เพื่อให้นักพนันซึ่งก็คือผู้มีสิทธิเลือกตั้งและหัวคะแนนต่างๆ ทุ่มแทงเบอร์ 2 ซึ่งเป็นผู้สมัครเป้าหมายที่ต้องการให้ชนะ เมื่อถึงวันเลือกตั้งเหล่านักพนันจะกาเลือกเบอร์ 2 เพื่อให้ตนเองชนะพนัน ซึ่งเท่ากับการปั่นคะแนนให้เบอร์ 2 มีคะแนนนำผู้สมัครรายอื่นจนชนะการเลือกตั้ง

“เทคนิคเหล่านี้หากย้อนกลับไป 10-20ปี ที่แล้วมีการทำกันอย่างกว้างขวาง และเป็นเทคนิคที่มีพรรคการเมืองบางพรรคใช้อยู่เป็นประจำ จนครองเสียงข้างมาก วันนี้ก็ย้อนกลับมาใช้เทคนิคเดิมๆอีกครั้ง ตนมองว่ามันหมดยุคสมัยที่จะมีการโกงเลือกตั้งแบบการซื้อสิทธิขายเสียง รวมทั้งการพนัน หรือการใช้อิทธิพลข่มขู่แล้ว วันนี้บ้านเมืองเราไปไกลเกินกว่าการมาเดินซื้อเสียงเลือกตั้งแล้ว” แหล่งข่าวกล่าวกับเราในตอนท้าย

 

ข่าวที่น่าสนใจ