เปิดเกณฑ์ละเอียด “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” ใครมีสิทธิได้รับ เดือนละเท่าไหร่ ลงทะเบียนอย่างไร
by ThaiQuote, 26 มกราคม 2564
ทำความเข้าใจ ไร้ดราม่า!! เปิดเกณฑ์แบบละเอียด “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” ใครบ้างมีสิทธิได้รับ ได้รับเดือนละเท่าไหร่ ลงทะเบียนอย่างไร
ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นของสังคมที่ได้ความสนใจเป็นอย่างมากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จากกรณีหญิงชราชาวบุรีรัมย์วัย 89 ปี ถูกกรมบัญชีกลางเรียกเก็บเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน รวมดอกเบี้ย เบ็ดเสร็จแล้วเป็นเงินเกือบแสนบาท
หญิงชราคนดังกล่าวชื่อ นางบวน โล่ห์สุวรรณ อายุ 89 ปี อยู่ในพื้นที่ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยนางบวน ระบุว่าเริ่มได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเมื่อปี 2553 รับมาตลอดทุกเดือนจนมาถึงปี 2563 องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ได้แจ้งว่าต้องหยุดจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ
เนื่องจากยายบวนได้รับเงินบำนาญพิเศษกรณีที่เป็นทายาทของ จ.ส.อ.จักราวุทธ โล่ห์สุวรรณ ลูกชาย ซึ่งเป็นทหารสังกัด มทบ.21 นครราชสีมา ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์คลังแสงระเบิดที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 โดยทางต้นสังกัดจึงได้พิจารณาจ่ายเงินบำนาญพิเศษ ให้กับพ่อแม่คนละ 5,000 บาทต่อเดือน
หลังจากนั้นในเดือน ม.ค.2564 ได้มีหนังสือจากกรมบัญชีกลางให้เรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนพร้อมกับดอกเบี้ย รวมเป็นเงินกว่า 84,000 บาท ซึ่งยายบวนตกใจมาก เนื่องจากเป็นเงินก้อนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาตัวยายเองไม่มีรายได้ ใช้เพียงเงินบำนาญเดือนละ 5,000 ที่ได้รับก็แทบจะไม่พอ ส่วนลูกก็มีอาชีพทำนามีรายได้น้อยรวมทั้งมีภาระหนี้สิน จึงไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้คืนได้
ยายบวนได้ตัดพ้อถึงหน่วยงานราชการ ว่าเหตุใดจึงยังส่งเงินมาให้ตลอด 10 ปีโดยไม่มีการตรวจสอบ ส่วนตัวนั้นไม่รู้รายละเอียดเรื่องยอดเงินที่เข้า เนื่องจากลูกหลานเป็นไปเบิกเงินมาให้ รวมทั้งไม่รู้กฎระเบียบของทางราชการ จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นใจและให้ความช่วยเหลือ
ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง อบต.ได้ออกมาย้ำว่า เรื่องดังกล่าวต้องเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินแผ่นดิน แต่ยืนยันว่าจะหาแนวทางช่วยเหลือไม่ให้ยายบวนต้องเดือดร้อน หรือได้รับผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ได้มีการประสานยัง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ (พมจ.บุรีรัมย์) ซึ่งเบื้องต้นจะให้ผ่อนชำระเป็นระยะเวลา 20 เดือน โดยไม่มีดอกเบี้ย รวมทั้งเป็นธุระในการช่วยเหลือตามแนวทางอื่นๆ ต่อไป
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคุณยายนี้ พบว่าเริ่มจากความผืดพลาดของหน่วยงานราชการตั้งแต่ต้นทางคือกรมบัญชีกลาง ตลอดจนกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม.ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง จนถึง อบต.ปลายน้ำที่ไม่ทราบรายละเอียดของผู้สูงอายุในพื้นที่ และส่วนหนึ่งเกิดจากตัวประชาชนเองที่ขาดความรู้ความเข้าใจในสิทธิของตนเองที่จะได้รับหรือไม่ได้รับ
สำหรับในกรณีนี้ เป็นเรื่องของสิทธิ “เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ” ในการดูแลของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คือเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นสิทธิที่ผู้สูงอายุทุกคนได้รับ เป็นการให้เงินช่วยเหลือแบบขั้นบันได ตามระดับอายุ จ่ายให้ 600-1,000 บาท/เดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้
คุณสมบัติมีสิทธิได้รับเงิน เบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ
-มีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองตามทะเบียนบ้าน
-มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่างการคำนวณอายุ เช่น การลงทะเบียนของปี 2564 ต้องเป็นผู้สูงอายุที่เกิดก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2505 ส่วนผู้สูงอายุที่ทะเบียนราษฎรระบุเฉพาะปีเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม ของปีนั้น ๆ
-ไม่เคยรับสิทธิใด ๆ มาก่อน ไม่ว่าจะจากหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อาทิเช่น เงินบำนาญ เบี้ยหวัด หรือหากอยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองใด ๆ ที่ได้รับเงินเดือนหรือมีผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทนที่ได้เป็นประจำ ก็ถือว่าไม่มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
-หากมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเคยลงทะเบียนไว้แล้ว แต่มีการย้ายภูมิลำเนา จะต้องลงทะเบียนใหม่ในภูมิลำเนาที่ย้ายมาใหม่
-ผู้ที่เคยลงทะเบียนไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงใหม่ทุกปี เว้นแต่มีการย้ายภูมิลำเนา หรือมีข้อมูลที่ต้องแก้ไขบ้างอย่าง
ลงทะเบียนรับเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ ที่ไหน อย่างไร
กรุงเทพฯ ไปยื่นได้ด้วยตนเอง หรือมอบสิทธิ์ให้ผู้อื่นไปยื่นแทน (มีหนังสือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร) ยื่นได้ที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้นๆ
ต่างจังหวัด ยื่นได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือ สำนักงานเทศบาล ที่ขึ้นอยู่กับภูมิลำเนา หรือที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้นๆ
ช่วงเวลาการลงทะเบียน
สำหรับการลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ลงได้ในเดือน ม.ค.-ก.ย.2564 สำหรับผู้สูงอายุรายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้ว
และผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2565 โดยนับอายุจนถึงวันที่ 1 ก.ย.2565 ต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 ก.ย.2505 เนื่องจากผู้สูงอายุที่เกิดตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.2505-1 ต.ค.2505 เป็นผู้สูงอายุที่จะมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ คือ เดือน ต.ค.2565 ซึ่งเป็นปีงบประมาณ 2566
ดังนั้น กลุ่มผู้สูงอายุผู้สูงอายุที่เกิดตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.2505-1 ต.ค.2505 ลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 เป็นต้นไป
เอกสารที่ต้องเตรียมในการลงทะเบียนรับเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ
-บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือหากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จะต้องมีบัตรหรือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย
-ทะเบียนบ้านตัวจริง และถ่ายสำเนา 1 ฉบับ
-สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารตัวจริง ที่เป็นประเภทออมทรัพย์ ถ่ายสำเนามา 1 ฉบับ
อัตราเบี้ยยังชีพที่ผู้สูงอายุจะได้รับ
การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะเป็นแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ โดยผู้สูงอายุจะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนต่อเนื่องไปจนกว่าจะเสียชีวิต แบ่งได้ดังนี้
-อายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาทต่อเดือน
-อายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาทต่อเดือน
-อายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาทต่อเดือน
ช่องทางการรับเงิน
-รับเงินสดด้วยตนเอง
-รับเงินสดโดยบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ
-โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ
-โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ