บสย.เข้าสู่ปีที่ 30 โชว์ยอดค้ำสินเชื่อแตะ 1 ล้านล้านบาท

by ThaiQuote, 24 กุมภาพันธ์ 2564

ฉลองก้าวสู่ปีที่ 30 “บสย.” ประกาศความสำเร็จ โชว์ยอดค้ำสินเชื่อปี 64 แตะ 1 ล้านล้านบาท ถึงเส้นชัยไวกว่าแผน 2 ปี ช่วยSMEs กว่า 5.6 แสนราย

“บสย.” มิตรแท้ SMEs ไทย ประเดิมชัยก้าวสู่ปีที่ 30 ประกาศความสำเร็จด้วยผลงาน “ยอดค้ำประกันสินเชื่อสะสมทะลุ 1 ล้านล้านบาท” ช่วยเอสเอ็มอีกว่า 5.6 แสนราย หนุนจ้างงานกว่า 1.11 ล้านตำแหน่ง ตอกย้ำบทบาทสำคัญสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ กลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

จากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงรายย่อย พากันซมจากพิษโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วง หลายธุรกิจหยุดชะงัก ส่งผลให้รายได้ลดน้อยถอยลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่างๆ กลับไม่ได้ลดน้อยลงตามไปด้วย จนทำให้เจ้าของกิจการเกิดปัญหาเงินหมุนไม่ทันกับค่าใช้จ่าย ประคองกิจการไม่ไหว บางรายต้องล้มเลิกกิจการไป ครั้นจะไปขอสินเชื่อเพิ่ม ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายๆธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจตัวเล็กๆ ความน่าเชื่อถือน้อยกว่าบริษัทใหญ่ ยิ่งไม่มีใครกล้าค้ำประกัน จึงทำให้เกิดหน่วยงานที่ชื่อว่า บสย. หรือ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ที่ก้าวเข้ามาช่วยแก้วิกฤตในครั้งนี้ พร้อมกับประกาศความสำเร็จช่วยผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ตัวเล็กๆ ที่อยู่เคียงข้างกันมายาวนานถึง 30 ปี

บสย. จึงฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ด้วยการประกาศตัวเลขยอดค้ำประกัน 1 ล้านล้านบาท จากวันนั้นถึงวันนี้ที่อัดฉีดงบประมาณรัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านระบบสินเชื่อกับธนาคารที่เป็นพันธมิตร กว่า 1.42 ล้านล้านบาท

ยิ่งเกิดวิกฤต ยิ่งต้องเร่งอัดฉีด เพื่อช่วยพยุง SMEs ให้ไปต่อได้

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ในปี2563 บสย.ได้เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อเพื่อเติมทุนให้ผู้ประกอบการ SMEs เป็นผลสำเร็จ ด้วยยอดการค้ำประกันสินเชื่อสะสม ทะลุ 1 ล้านล้านบาท ณ วันที่ 29 มกราคม 2564 โดยบรรลุเป้าหมายเร็วกว่าแผนงานเดิม 2 ปี

การค้ำประกันดังกล่าวได้ส่งผ่านความช่วยเหลือครบทุกมิติ ทั้งการสร้างสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเป็นมูลค่ามากกว่า 1.42 ล้านล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้ถึง 560,000 ราย ทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 1.11 ล้านตำแหน่ง รักษาการจ้างงานได้กว่า 7 ล้านตำแหน่ง

ที่ผ่านมา บสย. ค้ำประกันให้ใคร มากแค่ไหน?

หากมองย้อนไปนับตั้งแต่ บสย. จัดตั้งขึ้น ภายใต้ “พระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ.2534” ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 400 ล้านบาท และเริ่มดำเนินกิจการค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs แบบ Individual Guarantee สู่ปฐมบทการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านกลไกรัฐ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2535 เป็นต้นมา โดยมียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ ปีแรก 168 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 140 ราย ในปี 2543 รัฐบาลเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 4,000 ล้านบาท ส่งผลให้ บสย. สามารถสร้างยอดค้ำประกันสินเชื่อ ในปี 2544 พุ่งทะยานจากหลักร้อยล้านสู่หลักพันล้าน ปิดยอดค้ำฯ ที่ 2,505 ล้านบาท จากนั้นรัฐบาลได้เพิ่มทุนจดทะเบียนให้ บสย. อีก 2 ครั้งในปี 2551 และปี 2552 ทำให้มีทุนจดทะเบียนรวม 6,839.94 ล้านบาท

ขณะที่ในปี 2552 บสย. ได้นำการเปลี่ยนแปลงมาเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจครั้งสำคัญ โดยมีการปรับรูปแบบการค้ำประกันสินเชื่อจากการค้ำประกันแบบ Individual Guarantee เป็น Portfolio Guarantee Scheme เพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นใจแก่สถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ การปรับรูปแบบการค้ำประกันสินเชื่อครั้งใหม่นี้ ส่งผลให้ยอดค้ำประกันสินเชื่อ เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากหลักพันล้านบาทสู่หลักหมื่นล้านบาท โดยปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อ ที่ 21,558 ล้านบาท จากนั้น ในปี 2553 ยอดค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มขึ้นเท่าตัวที่ 42,585 ล้านบาท และมียอดค้ำประกันสินเชื่อสะสมครบ 1 แสนล้านบาท ต่อเนื่องมาในปี 2556 ยอดค้ำประกันสินเชื่อ สะสมเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านบาท และ ในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนล้านบาท ตามลำดับ

ในปี 2560 มีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ 2) แก้ไขเพิ่มเติม” ขยายขอบเขตการค้ำประกันสินเชื่อให้ครอบคลุมธุรกรรมแฟ็คเตอร์ริ่ง เช่าซื้อ และลิสซิ่ง รวมถึงธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายสินเชื่อ และขยาย “นิยาม” ของสถาบันการเงิน ให้ บสย. สามารถค้ำประกันสินเชื่อกลุ่ม Non-Bank การแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว ส่งผลให้ในปี 2561 บสย. มียอดค้ำประกันสะสมเพิ่มเป็น 7 แสนล้านบาท ในปีนั้น บสย. จึงประกาศตั้งเป้าช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ ให้ครบ 1 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี หรือภายในปี 2566

นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ภายใต้การเข้ามาบริหารจัดการของ บสย.ได้ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ สู่การ Transform องค์กร สอดรับการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ปรับ Mind set การทำงานแบบเชิงรุก คิดใหม่ ทำใหม่ ปรับกระบวนการทำงานภายใน ควบคู่กับการบริหารวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ประกอบการ SMEs ทุกภาคส่วน ทั้งการท่องเที่ยว โรงแรม ธุรกิจบริการ ร้านอาหาร ในฐานะเครื่องมือของรัฐ บสย. ได้รับมอบหมายให้ดำเนินมาตรการตามนโยบายรัฐบาลร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อผ่านกลไกการค้ำประกันกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้ประกอบการ SMEs และ รายย่อย กลุ่มอาชีพอิสระ เข้าถึงแหล่งเงินทุน

สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไวกว่าแผนที่กำหนดไว้ 2 ปี

โดยผลดำเนินงาน สิ้นสุดปี 2563 บสย. สามารถช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อมากกว่า 166,000 ราย และมียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ จำนวน 141,888 ล้านบาท ทุบสถิติในรอบ 29 ปีนับจากการก่อตั้ง บสย. อีกทั้งยังได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ อีกครั้ง ประเดิมผลงานแรกปี 2564 ประสบความสำเร็จ ณ วันที่ 29 มกราคม 2564 บสย. ได้บรรลุเป้าหมายการช่วยเหลือ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ ด้วยยอดค้ำประกันสินเชื่อสะสมครบ 1 ล้านล้านบาท สำเร็จ และเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ 2 ปี ช่วยผู้ประกอบการ SMEs 560,000 ราย หรือประมาณ 20% ของจำนวน SMEs ในประเทศ


ดร.รักษ์ กล่าวว่า เป็นการก้าวสู่ปีที่ 30 ของ บสย. ที่ท้าทาย จากความผันผวนทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ระลอกใหม่ โดยในปี 2563 พบว่าการจดทะเบียนเลิกกิจการ มีจำนวน 20,920 รายมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 91,859 ล้านบาท เกิดการเลิกจ้าง และลดเงินเดือน ขณะที่กลุ่มอาชีพอิสระ ขาดเงินหมุนเวียน และกลุ่ม SMEs เกิดใหม่ ต้องการเงินทุน และยังมีกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่มีปัญหาการค้างชำระ ต้องการพักชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และต้องการสินเชื่อ ต้นทุนต่ำ 1,000,493 ล้านบาท (หนึ่งล้านสี่ร้อยเก้าสิบสามล้านบาท)

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า การค้ำประกันสินเชื่อ คือกลไกหลักเชื่อมโยงระหว่างเงินทุนกับผู้ประกอบการ SMEs ที่สำคัญมากโดย บสย. พร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่ในทุกมาตรการเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุน

ภายใต้วิสัยทัศน์ (Vision) บสย. “เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเงินทุนและโอกาสทางธุรกิจแห่งชาติให้แก่ SMEs เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน”

 

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ

“บสย.” ถูกยก “สถาบันการเงินแห่งปี 2563” รางวัลเกียรติยศ ทุ่มงานหนักฝ่าโควิด