“สะปัน” ความยั่งยืน กำลังถูกกลืนด้วย ทุนนิยม

by คเชนทร์ พลประดิษฐ์, 19 ตุลาคม 2564

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ จ.น่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่ของกลุ่มคนผู้หลงรักในวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และอากาศที่บริสุทธิ์

 

ปัจจุบัน “สะปัน” ได้กลายเป็นจุดเช็คอิน ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางยัง จ.น่าน ด้วยมนต์เสน่ห์ของ เมืองในหุบเขา บ้านเรือนริม ลำน้ำว้า และลำน้ำสะปัน ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำน่าน มาบรรจบกัน เกิดเป็นชื่อของหมู่บ้านว่า “สบปัน” หรือ “สะปัน” รวมทั้งวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวบ้าน ที่ทำนา เกษตรกรรม บนพื้นที่ทำกิน ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน

 

 

วันนี้ “สะปัน” กำลังเปลี่ยนไป จากธุรกิจท้องถิ่นอย่าง ร้านอาหาร โฮมสเตย์ที่พัก เริ่มต้นจากชาวบ้านในพื้นที่ กลายเป็นการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งสร้างรายได้ เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ไม่น้อย แต่เมื่อเกิดความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แน่นอนหมู่บ้านแห่งนี้ จึงกลายเป็นที่ต้องตาต้องใจของเหล่านายทุน

 

เหตุการณ์ในเดือน ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา ทางจังหวัดน่าน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ หมู่บ้านสะปัน ตรวจสอบการก่อสร้างที่พักลุกล้ำลำน้ำว้า

 

 

 

ต่อเนื่องจนถึงการตรวจสอบการถือครองที่ดิน อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ที่ดินในพื้นที่หมู่บ้านสะปันส่วนใหญ่ไม่มีโฉนด เหตุเพราะเป็นพื้นที่ที่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้ามาจับจองทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยในบริเวณหมู่บ้านยังเป็นที่ตั้งของน้ำตกสะปัน สัญลักษณ์ประจำอุทยานแห่งชาติขุนน่าน

 

ขณะที่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในโซเชียลมีเดีย ได้มีการเผยแพร่ภาพของ “สะปัน” ที่กำลังเปลี่ยนไป ภาพของรีสอร์ทที่กำลังผุดขึ้นราวดอกเห็ด ทำให้สูญเสียทัศนียภาพของหมู่บ้านในหุบเขาแห่งนี้ไป รวมทั้งยังมีการติดป้ายขายที่ดินในพื้นที่ของหมู่บ้านให้เห็นกันอยู่เนืองๆ

 

 

 

เราได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า กว่าครึ่งหนึ่งของที่พักในหมู่บ้านสะปันกำลังเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิม ไปสู่ระบบทุนนิยม ซึ่งบางแห่งอาจด้วยข้อเสนอทางธุรกิจที่น่าสนใจ แต่บางส่วนก็จำต้องขายด้วยการบีบบังคับอย่างไม่ยินยอมด้วยวิธีต่างๆ

 

“สะปัน วันนี้ กำลังเปลี่ยนไป ชาวบ้านหลายคนอาจต้องการความเจริญที่เข้ามาสู่หมู่บ้าน ซึ่งนำรายได้มากมายที่สามารถจุนเจือเลี้ยงชีวิตครอบครัว แต่อย่าลืมว่าพื้นที่เหล่านี้ไม่ใช่สิทธิของชาวบ้านโดยแท้จริง แต่เป็นพื้นที่ทำกินซึ่งได้รับการอนุญาตจากอุทยานฯ เรามองว่าอีกไม่นานต่อจากนี้ สะปัน จะเดินตามรอยของ “ปาย” และ “ภูทับเบิก” ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมดาทั่วไป ซ้ำยังเป็นการบุรุกที่ดินซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแหง่ชาติ แต่ที่ช้ำไปกว่านั้นคือ เสน่ห์ของหมู่บ้านในหุบเขาในอดีตก็กำลังจะหมดลงตามไปด้วย”

 

 

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ

ไทยสมายล์บัส “รถเมล์อีวี” ลดคาร์บอนเป็นศูนย์ เติมรอยยิ้มให้คนกรุง