เลี้ยง “ด้วงสาคู” สัตว์เศรฐกิจตัวใหม่เลี้ยงง่ายรายได้ดี ความต้องการตลาดสูง

by ThaiQuote, 14 มกราคม 2565

คุณมด เจ้าของ “มดตะนอยฟาร์มด้วง” ฟาร์มนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี เลี้ยงด้วงสาคู หรือด้วงมะพร้าว เลี้ยงได้ประมาณปีกว่า ๆ มีอยู่ประมาณกว่า 2,500 กะละมัง จากตอนแรกมีเพียง 2,000 กะละมัง ขยายการผลิตมาเรื่อย ๆ

 


ขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยากมาก ต้นทุนต่ำ ด้วงที่ฟาร์มเลี้ยงด้วยมันสำปะหลัง ใช้ตรงส่วนของเปลือกมัน ซื้อมาจากโรงงานที่ผลิตแป้งมัน ส่วนผสมของอาหารมีมัน กากน้ำตาล น้ำหมักที่ทางฟาร์มทำใช้เองโดยหมักจากจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง และอาหารหมู 3 ขีด ถ้าไม่มีกากมันสำปะหลัง สามารถใช้กากข้าวโพดหรือกากถั่วเหลืองก็สามารถใช้ได้ โดย กากมัน 2 กิโลกรัมราคา 1 บาท กากถั่วเหลืองกิโลกรัมละ 2 บาท กากข้าวโพดกิโลกรัมละ 1 บาท โดยเฉลี่ยแล้วต้นทุนแต่ละกะละมังอยู่ที่ 3 บาท อาหารที่ด้วงชอบมากส่วนใหญ่เป็นอาหารจำพวกแป้ง โดยเฉพาะมันหัวใหญ่ ด้วงกินแล้วจะทำให้ตัวโต

อาหารด้วง 1 กะละมังจะประกอบไปด้วย ส่วนประกอบของมันที่เหลือจากการผลิตในโรงงาน 2 กิโลกรัม ใส่น้ำกากน้ำตาล 2 ขัน น้ำหมัก 1 ทัพพี อาหารหมู 1 ถ้วยข้าวสวย แล้วนำมาคลุกให้เข้ากัน เป็นกะละมังฟักที่จะใส่พ่อแม่พันธุ์ โดย 1 กะละมังตั้งไว้ประมาณ 1 เดือน เมื่อคลุกเคล้าอาหารดีแล้วก็เอาเปลือกมะพร้าวมาปิดหน้าอาหาร แล้วจะปล่อยแม่พันธุ์ พ่อพันธุ์ลงไป 5 คู่ แล้วปิดหน้ากะละมังด้วยถาดตะข่ายให้อากาศเข้าได้ เพื่อป้องกันไม่ให้แม่พันธุ์ พ่อพันธุ์กระโดดออกมา

 

 

 

วิธีการสังเกตตัวผู้หรือตัวเมีย ถ้าหากเป็นตัวเมียให้สังเกตุที่งวงของมันมีหนวดยาว ๆ แข็ง ๆ แต่ถ้าเป็นตัวผู้หนวดจะสั้น มีขนที่ปลายงวงนิดนึง แล้วก็ปล่อยทิ้งไปเลย 15 วัน หลังจาก 15 วันก็จะมาหยิบแม่พันธุ์ออก เพื่อนำไปขยายในกะละมังถัดไป ตัวแม่พันธุ์มีอายุ 45 วัน สามารถนำมาเพาะพันธุ์ได้ 3 กะละมัง ไข่จะอยู่ในกะละมังกินอาหารในนั้นฟักตัวออกมาตัวอ่อนด้วง ส่วนตัวลูกเลี้ยงขุนให้ได้ 1 เดือนก็สามารถเก็บขายได้ หรือคัดออกมาทำเป็นพ่อแม่พันธุ์ ส่วนที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ต้องนำมาเก็บไว้ในฝักคล้าย ๆ ดักแด้ เราก็จะสามารถผลิตแม่พันธุ์ใช้เองได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำแม่พันธุ์ไปขายได้ด้วยราคาตัวละ 5 บาท แต่ถ้าตัวผู้ก็จะตัวละ 8 บาท ถ้าซื้อจำนวนมากก็สามารถลดได้ตามยอดที่สั่งซื้อ

 

 

สำหรับลูกพันธุ์ให้เลี้ยงอยู่ในกะละมังไม่ต้องเอาออกจนกว่าจะครบ 30 วันเพื่อคัดขนาดไปขาย แต่ระหว่างนี้ครบ 20 วัน ต้องนำอาหารมาเติมให้ตัวอ่อน จำนวนลูกด้วงใน 1 กะละมังจะได้ประมาณ 1.2-1.3 กิโลกรัม น้อยที่สุดก็จะประมาณ 700-800 กรัม ลูกด้วงพออายุได้ 30 วันก็นำมาคัดเลือกขนาด ถ้าเป็นขนาดใหญ่ก็ปล่อยขาย แต่ถ้าเป็นขนาดเล็กก็นำอาหารที่มีอยู่ไปขุนต่อให้ได้ตามขนาดที่ตลาดต้องการ ด้วงที่ส่งขายสามารถขายเป็นด้วงสด หรือด้วงดิบก็ได้ ราคาขายถ้าเป็นภาคใต้ 200 บาท/กิโลกรัม ภาคกลาง 300 บาท/กิโลกรัม ภาคเหนือ 400 บาท/กิโลกรัม ส่วนราคาหน้าฟาร์มขายที่ 200 บาท/กิโลกรัม ในแต่ละเดือนเก็บแต่ละรอบจะได้ประมาณ 700-800 กิโลกรัม

 

 

ฟาร์ม “บ้านด้วงมดตะนอย” ลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากทางออนไลน์ สามารถส่งได้ทั่วไทย ที่ฟาร์มเน้นขายส่งทุกช่องทาง ผลผลิตของฟาร์มนำส่งบริษัทที่ทำอาหารเสริมโปรตีน ส่งตามร้านอาหาร ร้านค้าแมลงทอด ห้องเย็น ตลาดแมลงทั่วไป สามารถขายได้เลย หากสั่งยอดมากกว่า 100 กิโลกรัม และเป็นการสั่งต่อเนื่องราคาก็จะถูกลง ถ้าไม่ขายส่งก็ขายอยู่ใน Wongnai เฟซบุ๊ก ขายออนไลน์ ทางฟาร์มมีเพจขายชื่อ “บ้านด้วงมดตะนอย” โทรศัพท์และไลน์ติดต่อ 080 924 1726 นอกเหนือจากลูกค้าในประเทศทางฟาร์มยังส่งด้วงเนื้อไปยังต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV

“จุดเด่นของการเลี้ยงด้วงสาคูคือเลี้ยงง่าย ไม่ยุ่งยาก ต้นทุนต่ำ สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ เวลาจะขายสามาระบรรจุได้หลากหลายบรรจุภัณฑ์มีทั้งแพ็คใส่กล่อง ใส่ถุงสุญญากาศ หรือนำไปแช่แข็งก็ได้ การขายทุกช่องทางหากมีความเสียหายจากการขนส่งทางฟาร์มก็ยินดีชดเชยการเสียหายดังกล่าว นอกจากขายตรงไปยังผู้บริโภค ยังมีการเพาะพันธุ์พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไปยังเครือข่ายฟาร์มที่เลี้ยงด้วงด้วยกันทั่วประเทศ มีกระจายอยู่เกือบทุกจังหวัด อนาคตของตลาดด้วงสาคูยังไปได้อีกมาก” คุณมดกล่าว

 


พื้นที่เลี้ยงควรเป็นโรงเรือนที่เป็นสถานที่โล่ง อากาศถ่ายเท ห้าให้น้ำหรือฝนเข้าไปในกะละมัง ถ้าเริ่มต้นเลี้ยง 5-10 กะลังมังใช้พื้นที่ข้างบ้าน แล้วหาผ้าใบมาคลุมก็เลี้ยงได้แล้ว ด้วงสามารถนำมาทำอาหารได้หลายเมนูตั้งแต่ ต้ม ทอด ผัด สามารถใช้แทนกุ้ง หมึก ปลา หมู ได้