รองโฆษกย้ำปล่อยโคมลอยในเขตรอบสนามบิน โทษสูงสุดหนักมาก

by ThaiQuote, 7 พฤศจิกายน 2565

“ขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการปล่อยวัตถุอันตรายขึ้นสู่ท้องฟ้า ที่อาจเป็นอันตรายต่ออากาศยานและการมองเห็นของนักบิน โดยเฉพาะในบริเวณสนามบินและโดยรอบสนามบิน”-รัชดา ธนาดิเรก-

 

 

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2565 คือระหว่างวันที่ 8 - 9 พฤศจิกายน 2565 ในบางพื้นที่มักจะมีการจัดกิจกรรมปล่อยโคมลอย โคมควัน โดยในส่วนของ AOT ซึ่งบริหารสนามบินหลัก 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการปล่อยวัตถุอันตรายขึ้นสู่ท้องฟ้า เช่น การปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน พลุ ตะไล บั้งไฟ ดอกไม้ไฟ ลูกโป่ง การปล่อยแสงเลเซอร์ และอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) ที่อาจเป็นอันตรายต่ออากาศยานและการมองเห็นของนักบิน โดยเฉพาะในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ (บริเวณสนามบินและโดยรอบสนามบิน) ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 มาตรา 59/1 และ 59/2 มีโทษจำคุก และปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้ง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 มาตรา 18 (2) ได้ระบุว่า ผู้ใดกระทำการให้อากาศยานในระหว่างบริการเสียหาย จนเป็นเหตุให้อากาศยานนั้นไม่สามารถทำการบินได้หรือเป็นเหตุ หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างบิน ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 บาท ถึง 800,000 บาท

สำหรับพื้นที่นอกเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ นางสาวรัชดา กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่ต้องการปล่อยโคมลอยฯ ตรวจสอบรายละเอียดในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร หรือประกาศจังหวัดที่ต้องการจะปล่อย ซึ่งจะระบุรายละเอียดของพื้นที่ที่สามารถอนุญาตปล่อยได้ โดยในการจะปล่อยนั้นต้องดำเนินการขออนุญาตล่วงหน้าจากผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอในพื้นที่นั้น ๆ ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน โดยในเขตพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับความนิยมในการปล่อยโคมลอยฯ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกประกาศไม่อนุญาตให้มีการจุดและปล่อยโคมลอยฯ ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศและพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 (พื้นที่สีแดง) อย่างเด็ดขาด ในพื้นที่ 6 อำเภอ คือ 1. อำเภอเมืองเชียงใหม่ ทุกตำบล 2. อำเภอหางดง ทุกตำบล 3. อำเภอสารภี ใน 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลขัวมุง ดอนแก้ว ท่าวังตาล หนองผึ้ง และสันทราย 4. อำเภอแม่ริม ใน 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลดอนแก้ว ริมใต้ แม่สา เหมืองแก้ว และริมเหนือ 5. อำเภอสันทราย 1 ตำบล คือตำบลหนองหาร 6. อำเภอสันป่าตอง 1 ตำบล คือตำบลทุ่งต้อม

นางสาวรัชดา กล่าวถึงกรณีท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ขอความร่วมมือสายการบินต่าง ๆ พิจารณาปรับเปลี่ยนเวลาทำการบินในช่วงเทศกาลลอยกระทงเพื่อลดความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยโคมลอย โดยระหว่างวันที่ 8 - 9 พฤศจิกายน 2565 มีเที่ยวบินที่แจ้งยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาการบิน รวมทั้งสิ้น 69 เที่ยวบินคิดเป็นร้อยละ 31 ของเที่ยวบินที่ทำการบินทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นเที่ยวบินยกเลิกจำนวน 55 เที่ยวบิน และเที่ยวบินที่เปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินจำนวน 14 เที่ยวบิน ถึงแม้ว่าสายการบินจะยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว แต่ ทชม.ก็ยังเป็นสนามบินสำรองให้อากาศยานที่มีเหตุขัดข้องจำเป็นต้องขอลงจอดฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น จึงไม่สามารถปล่อยโคมลอยในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศโดยเด็ดขาด

“ระยะเวลาในการจุดหรือปล่อย คือ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงหรือยี่เป็ง ให้ปล่อยได้ในคืนวันลอยกระทงเล็กและวันลอยกระทงใหญ่ ระหว่างเวลา 19.00 - 01.00 น. ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 8 และ 9 พฤศจิกายน 2565 ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่สามารถสอบถามและตรวจสอบพื้นที่ปล่อยโคมลอยในจังหวัดเชียงใหม่ ได้ที่ส่วนมาตรฐานท่าอากาศยานและอาชีวอนามัย ทชม. หมายเลขโทรศัพท์ 0 5392 2000ต่อ 23000 หรือ 23431 ในวันเวลาราชการ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. กระทรวงคมนาคมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.mot.go.th/about.html?id=21 หรือโทร. 02-283-3000” นางสาว รัชดา ย้ำ

โฆษกรัฐบาลเผย นายกรัฐมนตรีเตรียมเป็นประธานงาน “ลอยกระทงวิถีใหม่ ข้างทำเนียบรัฐบาล

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเป็นประธานงาน “ลอยกระทงวิถีใหม่ สืบสาน ประเพณีไทย สู่ความยั่งยืน” ในวันอังคาร ที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เวลา 16.00 น. ณ คลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมงาน เพื่อร่วมอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมไทย และส่งเสริมประเพณีลอยกระทงที่ทรงคุณค่า สืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป ตลอดจนยังเป็นการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกันสืบสานอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยภายในงานจะมีการสาธิตการทำกระทง การจัดแสดงกระทงแบบต่าง ๆ การแสดงศิลปวัฒนธรรมชุดสยามภิรมย์ธารา การแสดงเพลงเรือ และการจำลองวิถีชีวิตตลาดน้ำ เป็นต้น

“นายกรัฐมนตรีกำชับการจัดงานลอยกระทงในแต่ละพื้นที่ ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ผู้จัดงานต้องมีมาตรการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ และดูแลประชาชนจำนวนมากที่จะเข้าร่วมกิจกรรมให้มีความปลอดภัยและเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีประชาชนร่วมงานลอยกระทงในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น จึงเน้นย้ำทุกหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ร่วมกำหนดมาตรการจัดงานอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบและอำนวยความสะดวกการจราจรทั้งทางน้ำและทางบก รวมทั้งความมั่นคงปลอดภัยของท่าเทียบเรือ โป๊ะต่าง ๆ เพื่อรองรับการให้บริการประชาชน และเน้นรักษามาตรการป้องกัน โควิด-19 เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ พร้อมเชิญชวนทุกคนแต่งกายด้วยผ้าไทย หรือผ้าท้องถิ่นเข้าร่วมประเพณี ร่วมกันใช้วัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายง่ายมาประดิษฐ์กระทง เพื่อร่วมกันรักษาและป้องกันการเกิดมลพิษต่อสายน้ำและสิ่งแวดล้อม และร่วมสืบสานประเพณีไทยลอยกระทงวิถีใหม่ ณ สถานที่จัดงานใกล้บ้าน” นายอนุชาฯ กล่าว.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

กองทุนความมั่งคั่งของซาอุดิอาระเบียจัดตั้ง บริษัท ร่วมทุนรถยนต์ไฟฟ้ากับ Foxconn
https://www.thaiquote.org/content/248635

ม.มหิดล แนะสร้างโอกาสการเรียนรู้จากค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ สู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
https://www.thaiquote.org/content/248643

ญี่ปุ่นมองหาการลงทุนในไทยด้านพลังงานไบโอเอธานอลจากขยะที่ผลิตน้ำตาลและเศษมันสำปะหลังที่เหลือใช้
https://www.thaiquote.org/content/248631