อุณภูมิการเมืองทวีความร้อนแรงไม่แพ้สภาพอากาศช่วงนี้ บรรดานักการเมืองต่างฝ่ายต่างสาดน้ำเน่าใส่กันอย่างเมามัน โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ จะพบเห็นเนื้อหาส่วนใหญ่ในลักษณะการให้ร้ายกล่าวโทษกันไปมา หรือไม่ก็บูลลี่ทำเนื้อหาล้อเลียนคู่ต่อสู้

นอกจากนี้ยังสังเกตได้ชัดว่า เนื้อหาเหล่านั้นผ่านการคิดและทำจากผู้ผลิตที่เป็นมืออาชีพทางการสื่อสาร คนทั่วๆไปคงไม่มานั่งคิดประดิษฐ์คำ ทำกราฟฟิกหรือตัดต่อวีดีโอแบบที่เห็นกันอยู่ เอาเวลาไปทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวดีกว่า

การเมืองในโซเชียลมีเดียน่ากลัวจริงๆ เพราะเนื้อหาสามารถกระจายได้อย่างรวดเร็ว และมีผลด้านจิตวิทยาของผู้รับสื่ออย่างมาก ดังนั้นเราจึงเห็นข่าวว่าบรรดานักการเมือง พรรคการเมือง ตั้งทีม Information Operation (IO) หรือ ทีมยุทธศาสตร์การสื่อสารขึ้นมาเพื่อต่อสู้กันในโลกโซเชียลมีเดีย ทำหน้าที่อย่างน้อย 3 ด้าน

1.ผลิต Contents โจมตีคู่ต่อสู้
2.ผลิต Contents แก้ต่าง Contents ของคู่ต่อสู้
3.ผลิต Contents เชียร์ตัวเอง

นักวิชาการบางท่าน ออกมาแสดงความกังวลถึงการต่อสู้กันทางการเมืองในโลกโซเชียลมีเดียว่า ส่งผลกระทบแบบค่อยๆซึมเข้าไปในสังคม เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เผยแพร่นั้น ไม่มีประโยชน์เชิงสร้างสรรค์ทางการเมือง ทำให้คนทั่วไปที่รับสื่ออาจรู้สึกเอือมระอากับการเมือง จนไม่ใส่ใจหรือเพิกเฉยต่อการเมืองในที่สุด และยังมีกรณีกองเชียร์แบ่งฝ่าย Comment แสดงความคิดเห็นตอบโต้กันไปมา บ่อยครั้งดุเดือดถึงขั้นด่าทอกันรุนแรง

ระดับความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลมีเดีย แม้อาจจะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดระดับความขัดแย้งในโลกความเป็นจริงทั้งหมด เพราะมีการปั่นจากฝ่ายการเมืองเจือปนอยู่

ทั้งนี้ความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นได้และเป็นสิ่งสวยงามของระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องตั้งคำถามว่าการปฏิบัติการ IO ของการเมืองบางกลุ่มบางฝ่าย นอกจากจะไม่ได้สร้างสรรค์ประชาธิปไตยแล้วยังไม่ช่วยในการก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีส่วนขยายความขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรนั้น เหมาะสมหรือไม่

ผดุงศักดิ์ เหล่ากิจไพศาล ผู้อำนวยการฝ่าย content PMG Corporation Co.,Ltd. อดีตนายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ และอดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจเนชั่นทีวี