แรงบันดาลใจ สร้างนักรบสีเขียว ร้อยวงแหวนห่วงโซ่ Global Green

by ESGuniverse, 16 กุมภาพันธ์ 2567

เอ็กซิม แบงก์ ปลุกพลังผู้ประกอบการการไทย สวมหัวใจนักรบสีเขียว ติดอาวุธ “นวัตกรรมสีเขียว” ร้อยเรียงห่วงโซ่ “green exobomy” ครบวงรอบ In action scope1-2-3 ตอบ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านการค้า

 

 

ณ ปัจจุบัน กรุงเทพถูกปกคลุมไปด้วยมลภาวะฝุ่นควัน ด้วยเหตุนี้ ธนาคารที่เป็นหนึ่งในองค์กรทางการเงินของประเทศได้เล็งเห็นถึงปัญหา ต้องเข้าช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยการลงมืออย่างจริงจัง เข้าปรับโครงสร้างของประเทศ เปลี่ยนแปลงระดับมหภาค ตาม Benchmark


ESG วาระแห่งชาติ ทั่วโกลบอล

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในโอกาสครบรอบ 30 ปี ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ว่า ปัจจุบันโลกขับเคลื่อนอยู่บนหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ระดับชุมชนและทุกภาคส่วนต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติของทุกประเทศทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ของประเทศไทยภายในปี 2593 และ 2608 ตามลำดับ

 


BCG แรงดึงดูดทุนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

"รัฐบาลไทยมุ่งสนับสนุนกลไกและนโยบายต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เช่น ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ส่งเสริมการทำเกษตรยั่งยืนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการให้ความรู้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต และหาแนวทางขยายตลาดต่างประเทศ ตลอดจนดึงดูดบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้เข้ามาลงทุน เช่น ดาต้าเซนเตอร์ อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อเพิ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และเพิ่มพูนทักษะฝีมือแรงงานไทย“


โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมีความคิดเห็นว่า การที่ธนาคารเอ็กซิมเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยทั้งในแง่ของสินเชื่อและนโยบายต่างๆนับเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะ SMEs ไทยถือเป็นรากแก้วไม่ใช่รากฝอย การเข้าช่วยเหลือในครั้งนี้สามารถยกระดับผู้ประกอบการตามเทรนด์โลกในกรอบกรอบการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต่อยอดจากนโยบายรัฐบาลสู่สังคมตามมิติของ ESG

“การที่ประเทศจะบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนได้สำเร็จ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกกฎหมายหรือนโยบายจากภาครัฐเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนผู้ประกอบการในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น สินค้าหัตถกรรม สินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจและสังคม”

 กระทรวงการคลังจึงพร้อมสนับสนุนหน่วยงานในการกำกับดูแล รวมถึง EXIM BANK ให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยในเวทีโลกที่แข่งขันได้ ทั้งในรูปแบบการเป็นผู้ส่งออกเองหรือเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain การส่งออก

  

ร้อยห่วงโซ่ ซัพพลายเชนสีเขียว

 ปัจจัยสำคัญที่เป็นเร่งยกระดับเป็น Green Supply Chain เพื่อให้เกิดระบบนิเวศสีเขียวที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยโดยคำนึงถึง ESG สามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ใหม่ ๆ ภายใต้กติกาการค้าของโลกยุคใหม่ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยให้เติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนและความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ภายนอกในอนาคต เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ร่วมกัน”

  

เศรษฐกิจสีเขียวแก้โจทย์โลกเดือด

 ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 30 ปี EXIM BANK ว่า ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนทุกวันนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกเปลี่ยนผ่านจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) นำไปสู่การเกิดภัยธรรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยจึงต้องเร่งเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามเป้าหมาย SDGs และเป้าหมายประเทศไทยสู่ควาทเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และ คาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

 

ปลุกพลังSMEsไทยส่งออก
รับมือกม.สิ่งแวดล้อม18,00ฉบับจากทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยยังปล่อยคาร์บอนสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย อยู่ในระดับ 3.78 ตันคาร์บอนต่อคนต่อปี สูงกว่าประเทศอื่นในอาเซียน อาทิ อินโดนีเซียและเวียดนาม โดยมูลค่าส่งออกของไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีไม่มากนัก อยู่ในสัดส่วนเพียง 7.6% ของการส่งออกทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือกับมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่มีมากถึง 18,000 ฉบับ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้

"เนื่องจากธุรกิจที่คำนึงถึง ESG มีการเติบโตของรายได้และกำไรมากกว่าธุรกิจทั่วไปกว่า 2 เท่าตัว EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังจึงสานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่ออนาคตของประเทศไทยและโลกที่ยั่งยืน ภายใต้บทบาท Green Development Bank ด้วยกลยุทธ์ “Greenovation” ที่จะสร้าง Green Supply Chain ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุน เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Greenomics)”

EXIM BANK พร้อมใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมาพัฒนา “Greenovation” นวัตกรรมการเงินสีเขียว ดูแลการปล่อยคาร์บอนขององค์กรและผู้ประกอบการไทยใน Scope 1-2-3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง ทางอ้อมที่เกิดจากการใช้พลังงาน และทางอ้อมอื่น ๆ จากการดำเนินงานขององค์กร) โดยต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของไทย ประกอบด้วย

     -อุตสาหกรรมเป้าหมายสู่อนาคต (Future Industries) อาทิ พลังงานหมุนเวียน EV เคมีชีวภาพ

     -อุตสาหกรรมเกษตรและประมงแปรรูป และธุรกิจบริการและ Soft Power อาทิ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

 การสร้างผู้ส่งออกไทย โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้าน Climate Finance ได้แก่ EXIM Green Goal ส่งเสริมให้ SMEs ตั้งเป้าหมาย Green ให้ชัดเจนและพร้อมเข้าร่วม Green Supply Chain โดยเติมความรู้สีเขียว เติมโอกาสสีเขียว และเติมเงินทุนสีเขียว ด้วยผลิตภัณฑ์ประเภท Green ต่างๆ ของ EXIM BANK เพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ธุรกิจทุกระดับเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในตลาดการค้าโลก ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ผู้บริโภคและกติกาการค้าโลกยุคใหม่ โดย EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero Emissions ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571

 นอกเหนือจากธุรกิจสีเขียวแล้วยังรวมไปถึง Blue Economy หรือ Blue Born เนื่องจาก 50-80% ของออกซิเจนโลกมาจากมหาสมุทร จึงได้มีการสนับสนุนเรือโดยสารไฟฟ้าและกองเรือขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างสัญญาใจกับผู้ประกอบการ สารมารถอยู่กับผู้ประกอบการได้อย่างมีความสุข ฟื้นคืนผืนทะเลและปะการังให้เติบโตยั่งยืนไปพร้อมๆกับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม


แบงก์เล็ก ปลุกพลังยิ่งใหญ่หัวใจกรีน

ดร.รักษ์ กล่าวปิดท้ายว่า “ตลอด 3 ทศวรรษ EXIM BANK ได้ทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนา นำผู้ประกอบการไทยปรับตัวและติดปีกไปสู่ตลาดโลก ในวันนี้เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม EXIM BANK พร้อมด้วยลูกค้าและหน่วยงานพันธมิตรจะเดินเคียงข้างกันนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นและยั่งยืน โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญขององค์กรพัฒนานวัตกรรมการเงินสีเขียว (Greenovation) สร้างผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Global Green Supply Chain ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจสีเขียว สร้างโลกที่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างสมดุลไปด้วยกัน”

 “EXIM Bank ส่งต่อความรักษ์สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ สนับสนุนทุกกลุ่มธุรกิจที่คำนึงถึง ESG ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอด Export Value Chain พร้อมปรับตัวรับกติกาสากล ยกระดับสู่ Global Value Chain”

ส่วนสิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบการสีเขียว เพื่อส่งเสริมธุรกิจรักษ์โลก จะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 4.97% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการที่มีโครงการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมส่วนลดอัตราดอกเบี้ยที่ยึดโยงกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน และยังรวมถึงการปรับกระบวนการผลิต


สร้างแรงบรรดาลใจต่อผู้ประกอบการในทุกภาคธุรกิจ ตาม Motto

“แบงค์เล็กๆก็สามารถสร้างแรงบรรดาลใจได้”