จากการลงทุนตั้งฐานการผลิต ทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นฮับแห่งยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ รองรับเทรนด์ความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ฟอรัมแลกเปลี่ยนเทคโนฯ การกักเก็บพลังงาน จึงเป็นคีย์สำคัญในการเติมเต็มไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างครบวงจร

ตามแผนการพัฒนาพลังงานแห่งชาติ ที่กำหนดให้มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) 50% ภายในปี 2050 ( พ.ศ. 2593) เพื่อช่วยให้มีการลดการปล่อยคาร์บอน ตามเป้าหมายไทยมีความเป็น กลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ( Net Zero) ในปี 2065 (พ.ศ.2608) เป้าหมายดังกล่าว คือ แผนการพัฒนาส่งผลให้เทรนด์พลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น

สิ่งสำคัญในการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) คือ ระบบการกักเก็บพลังงาน (Energy Story System) เป็นหัวใจสำคัญ ในการสร้างเสถียรภาพจ่ายไฟฟ้าได้ 24 ชั่วโมง ช่วยสนับสนุนให้การใช้พลังานหมุนเวียน จะก้าวขึ้นมาทดแทนพลังงานจากฟอสซิล ตามเป้าหมายการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 (COP28) การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ทั่วโลกจะต้องมีสัดส่วน 50% ภายในปี 2030 (ปี.พ.ศ. 2573)

ทว่า แหล่งพลังงานหมุนเวียนยังต้องเผชิญกับความท้าทายคือ ความผันผวนที่ไม่สม่ำเสมอ สิ่งสำคัญคือการพัฒนา เทคโนโลยีการเก็บกักพลังงานอย่าง บูรณาการพลังงานทดแทน ให้มีความมั่นคง และยืดหยุ่น ลดความผันผวนและยังช่วยลดต้นทุน ที่สำคัญ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สนับสนุนภาคธุรกิจนำร่อง โรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน

ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล นายกสมาคมเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) กล่าวในงานแถลงข่าว การประชุม International Energy Storage Forum ในงาน Energy Storage Asia 2024 ว่า ระบบกักเก็บพลังงานถือเป็นหัวใจสำคัญ จะเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนให้ก้าวเข้าสู่พลังงานสะอาด หลังจากมีความต้องการยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอาเซียน และ ศูนย์กลางแบตเตอรี่ เป็นอุตฯ นำร่องความต้องการใช้ เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการตั้งฐานการผลิตเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น ความต้องการแหล่งกักเก็บพลังงานจึงมีมากขึ้น ทำให้ตอบโจทย์ครบทั้งห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain)

ดังนั้น ทางสมาคมได้ร่วมกับอินฟอร์มา และอีกหลายภาคส่วนในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูล การพัฒนา ต่อยอดสู่การปรับกักเก็บพลังงานใช้ในอุตสาหกรรม เพื่อนำไปใช้และภาครัวเรือนให้ครอบคลุมตั้งแต่ภาคการขนส่ง การใช้พลังงานในภาคครัวเรือน ภาคการผลิตและอุตสาหกรรมของประเทศ  ยังรวมไปถึงความต้องการ ระบบกักเก็บพลังงานในบ้าน และการรองรับภาคอุตสาหกรรม อื่นๆ

ทั้งนี้ เป้าหมายการส่งเสริมของสมาคมฯ ทิศทางการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดประเทศคือ ต้องการเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด นำร่องในการใช้พลังงานสะอาด พร้อมกันกับมีระบบกักเก็บพลังงาน

รถEVพุ่ง 600%

ทั้งนี้ เป้าหมายการส่งเสริมของสมาคมฯ สอดคล้องกับเป้าหมายประเทศคือ เดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เป้าหมายยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด ต้องเข้าไปมีส่วนส่งเสริมอุตสาหกรรมไปสู่พลังงานสะอาด และด้านระบบกักเก็บพลังงาน

“อุตสาหกรรม“เทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าเติบโต 600% ในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แบตเตอรี่ จึงมีส่วนสำคัญในการช่วยกักเก็บพลังงาน จึงเป็นชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูงเกินกว่า 30% ของชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งการเติบโตของ EV เป็นตัวชี้โอกาสช่องทางรายได้ในห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้น จำเป็นต้องส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล่านี้”

ตัวเลือกใหม่ แบตเตอรี่ ถูก-ดีกว่าเดิม
ลิเทียม สู่โซเดียมไอออน

คุณสมบัติที่น่าสนใจในการพัฒนา อยู่ที่ “ตัวเก็บปะจุไฟฟ้า” มีแนวโน้มหาทางเลือกใหม่ เปลี่ยน(Transit) จากลิเทียมสู่สินแร่อย่างอื่น เช่น แร่โซเดียมไอออน 100% เพียงแต่ต้องพัฒนาให้มีความคุ้มค่ากับต้นทุนราคา พร้อมกันกับมีคุณภาพ ตลอดจนสิ่งสำคัญที่สุดคือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากทั้งกระบวนการการผลิตและการนำไปใช้งาน

ดังนั้น จึงร่วมมือกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการประชุม International Energy Storage Forum ในงาน Energy Storage Asia 2024 เพื่อสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถ่ายทอดองค์ความรู้และอัปเดตเทรนด์ของเทคโนโลยี ผ่านการประชุมนานาชาติ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนา ภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อนำไปสู่การขยายความร่วมมือเพื่อต่อยอดความสำคัญของเทคโนโลยี”

การประชุมนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “Energy Storage Asia” งานที่รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานล่าสุด จะเป็นก้าวที่สำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย” ดร.พิมพา กล่าวเสริม

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ – ประเทศไทย กล่าวว่า

อินฟอร์มาฯ ทำงานร่วมกับทาง สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) เป็นปีที่ 4 ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสมาคมฯ ผ่านการจัดกิจกรรมร่วมกันมากมาย มีเป้าหมายเดียวกัน คือส่งต่อความรู้และสนับสนุนให้กับภาคธุรกิจ เชื่อมโอกาสให้ระบบกักเก็บพลังงานเป็นส่วนขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับภาคอุตสาหกรรมพลังงาน รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า เข้าไว้ด้วยกัน

เราจึงขยายงานด้านระบบกักเก็บพลังงาน หรือ Energy Storage Asia งานนี้จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้งาน ASEW มีความครอบคลุมทุกด้านของพลังงานสะอาด

ปีนี้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ สานต่อและขยายความร่วมมือกับทางสมาคมฯ ผ่านการลงนาม การจัดการประชุม "International Energy Storage Forum" เพื่อเป็นเวทีสำคัญระดับนานาชาติ ที่ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยที่มีความชำนาญทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ต่างๆ และช่วยส่งเสริมความเข้าใจ ให้ทั้งผู้ประกอบการ นักลงทุน โดยจะเป็นสัมมนาหลักของงาน Energy Storage Asia 2024 แพลตฟอร์มทางธุรกิจที่รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานล่าสุดจากบริษัทชั้นนำระดับโลก

เวทีนี้ตอกย้ำความแข็งแกร่งถึงความพร้อมของไทย สำหรับเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานในการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น