จับเข่า! สกอ.เชิญ 40 มหา’ลัย ถกต้นเดือน ก.พ.นี้

by ThaiQuote, 19 มกราคม 2561

จากข่าวที่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ที่ได้ออกเปิดเผยข้อมูลรายชื่อหลักสูตรสถาบันอุดมศึกษาไทยทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานหลักสูตรจากผลการประเมินการประกันคุณภาพภายใน (IQA) เฉพาะในองค์ประกอบที่1 เรื่องจำนวนและคุณสมบัติอาจารย์ การบริหารจัดการหลักสูตร ตามเกณฑ์มาตรฐาน เป็นเวลา 2ปี ติดต่อกัน คือ ปีการศึกษา 2558 และ 2559 พบว่า ใน 40 สถาบันอุดมศึกษามีหลักสูตรจำนวน 182 หลักสูตรที่มีปัญหาไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามการกำกับมาตรฐาน คิดเป็นร้อยละ 2 ของหลักสูตรทั้งหมด ประกอบด้วย หลักสูตรระดับปริญญาตรี 68 หลักสูตร ปริญญาโท 89 หลักสูตร ปริญญาเอก 24 หลักสูตร และประกาศนียบัตรบัณฑิต 1หลักสูตร จนทำให้คณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) มีมติเห็นชอบให้เผยแพร่รายชื่อหลักสูตรที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษาดังกล่าว และเสนอให้สถาบันอุดมศึกษาเหล่านั้นงดรับนักศึกษา พร้อมปรับปรุงให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรอย่างเร่งด่วนภายใน 90 วัน  จนส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวจากมหาวิทยาลัยต่างๆ จากกรณีดังกล่าวได้มีการเคลื่อนไหวจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ในข่ายประกาศชื่อไม่ผ่านมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) มหาวิทยาลัยที่มีการประกาศรายชื่อหลักสูตรไม่ได้ผ่านการรับรองมากสุดได้ออกมาแถลงถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้  โดยนายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงแจ้งว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผยเป็นข้อมูลเก่า และจะดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายต่อไป เมื่อวันที่ 18 ม.ค.61  ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เป็นไปตามมติกกอ. เพราะต้องการให้มหาวิทยาลัยเร่งปรับปรุงคุณภาพ และต้องการให้นักศึกษาได้ติดตามว่าหลักสูตรที่เรียนมีการปรับปรุงหรือไม่ อีกทั้ง ยังเป็นไปตามนโยบายของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.)ที่ต้องการให้สกอ.เปิดเผยข้อมูล หลักสูตรต่อสาธารณะ และอยากให้มีการเผยแพร่เป็นระยะที่สั้นขึ้น เพื่อให้เป็นข้อมูลล่าสุดสามารถตรวจสอบได้ แต่การดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะต้องเป็นไปตามมติกกอ.  ซึ่งการเปิดเผยหลักสูตรครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อศักดิ์ และสิทธิ์ในปริญญาของผู้เรียน ดร.สุภัทร กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีที่ทางมหาวิทยาลัยรามคำแห่ง (ม.ร.) จะเอาผิดทางกฎหมายกับสกอ.และขณะนี้ทราบว่ามีอีกหลายแห่งไม่พอใจนั้น ขอไม่ตอบในประเด็นนี้ แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะปกป้องตัวเอง โดยส่วนตัวในฐานะข้าราชการและเป็นส่วนหนึ่งภายใต้การกำกับของกกอ. ซึ่งมติ กกอ.คือการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ ก็ต้องดำเนินการตามนั้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยเห็นผลของการปกปิดข้อมูลแล้วว่า เป็นอย่างไรการไม่เผยแพร่ข้อมูลให้ผู้เรียนได้รู้แล้วเป็นอย่างไร ครั้งนี้กกอ. จึงตัดสินใจให้เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ และขอย้ำว่าเป็นข้อมูลในปีการศึกษา 2558 -2559 ส่วนข้อมูลปีการศึกษา 2560 ยังไม่แล้วเสร็จ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2561 “ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผมจะเชิญมหาวิทยาลัยทั้ง 40 แห่งมาหารือร่วมกัน เพื่อหาทางช่วยเหลือปรับปรุงหลักสูตร ในกรณีที่มีปัญหาเพื่อช่วยแก้ไข สำหรับผมการเชิญประชุมไม่ได้การมีตำหนิอะไร แต่หลายคนคงตำหนิผม ผมรู้ดีว่าหลายคนคงไม่คิดว่า ผมเป็นเพื่อนอีกแล้ว แต่ผมเป็นข้าราชการ ผมมีหน้าที่ทำตรงไปตรงมา ถ้าท่านเห็นว่า การเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะตามมติกกอ. เป็นความผิด ผมก็ไม่คิดมากอะไร สามารถเอาผิดกับผมได้ อย่าเอาผิดกับลูกน้องผม” ดร.สุภัทร กล่าว เลขาธิการกกอ. กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวไม่ได้มีการพูดคุยกับผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีม.ร. การที่ม.ร. บอกว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับสกอ. ไม่โกรธและยืนยันว่า ดำเนินการตามมติกกอ.และจะเป็นบรรทัดฐานของการปฏิบัติราชการ ถ้าคิดว่าการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ การที่รักษาผลประโยชน์ของสาธารณะแล้วผิดวินัยราชการก็ให้ออกไปได้ ส่วนกระบวนการประเมินการประกันคุณภาพภายในของสกอ.นั้น มหาวิทยาลัยจะส่งข้อมูลใส่ในระบบของสกอ. หลังสิ้นสุดปีการศึกษาภายใน 120 วัน กระบวนการกรอกข้อมูลทั้งหมดมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะดำเนินการด้วยตนเอง และหากมีความเปลี่ยนแปลงก็สามารถแก้ไขได้ แต่ถ้ามหาวิทยาลัยใดตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อย และกดเสร็จสิ้นกระบวนระบบจะล็อค ไม่สามารถเข้าไปแก้ข้อมูลได้ สกอ.ก็จะยึดตามข้อมูลล่าสุด เลขาธิการ กกอ.กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่หลักสูตรไม่ผ่านการประเมินของ สกอ.ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากจำนวนอาจารย์ต่อนักศึกษาไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ สกอ.กำหนด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าระหว่างการประเมินมีอาจารย์ลาออก หรือ เกษียณอายุราชการ เข้าใจว่ามหาวิทยาลัยหลายแห่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข ส่วนกรณีที่ว่าจะสามารถใช้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอื่นมาสอนในวิชาที่ขาดได้หรือไม่นั้น โดยส่วนตัวคิดว่า สามารถทำได้ แต่อาจจะติดเรื่องกฎ ระเบียบ ของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง เช่น การนำอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเอกชนมาสอนในมหาวิทยาลัยรัฐ เพื่อแก้ปัญหาอาจารย์ประจำหลักสูตรไม่ครบต่อไป

Tag :