เครื่องยนต์ติดแล้ว ต้องไม่ปล่อยโอกาส

by ThaiQuote, 23 พฤษภาคม 2561

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "Game Changer เกมใหม่ เปลี่ยนอนาคต" ในงานการสัมมนา "Game Changer เกมใหม่ เปลี่ยนอนาคต"  เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61 ณ รร.ดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยกล่าวว่าตัวเลขเศรษฐกิจทุกตัวของเราน่าพอใจ GDP เกือบ 4.8 % โตขึ้นมาทุกภาคส่วน เครื่องยนต์ทุกตัวติด ตัวเลขของภาคเกษตรโตถึง 1.5 % จากที่ไม่เคยโตก็โตขึ้นมา ทำให้มีเงินไปเลี้ยงภาคชนบท ตัวเลขการลงทุนภาคเอกชนอดีตเคยสนับสนุนก็ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เมื่อมั่นใจโต 30 % ภาคอุตสาหกรรมโต 72 %  มีการใช้เครื่องจักรมากขึ้น หมายความว่าในอนาคตจะใช้กระบวนการผลิตได้มากขึ้น ส่งออกโตขึ้นมา 12 % เฉลี่ย 4 เดือน 11 % ส่วนเรื่องการลงทุนประเทศไทยเป็นดาวเด่นของภูมิภาคนี้ มีนักลงทุนมาไม่ขาดสาย ด้านการใช้จ่ายของรัฐบาลก่อนหน้านี้อาจไม่ค่อยดีมากนัก อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องการให้เป็นไปตามเป้าหมายให้ได้ อาจมีการออกกฎหมายใหม่ให้ข้าราชการไม่ผลีผลามในการใช้จ่ายเงิน เพราะกลัวผิดระเบียบ แต่สักพักทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอย ส่วนรัฐวิสาหกิจใช้จ่ายได้เป็นไปตามเป้าหมายดีมาก การท่องเที่ยวรายได้โตถึง 20 % รายได้โตมากกว่าเท่าตัว ต่อไปนี้ท่องเที่ยวจะไม่ใช่ธุรกิจที่เป็นของแถมอีกต่อไป แต่จะเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ เพราะกินจีดีพีเข้าไปถึง 21 %   ถ้าไม่มีสิ่งใดมาแทรกแซง ความเชื่อมั่นของคนจะมากขึ้น และจะส่งผลต่อการใช้จ่ายของคน ทุกอย่างจะออกดอกออกผลกันออกมา แต่อยากให้ทุกฝ่ายรักษาดุลภาพนี้ให้ดี ในช่วงเวลา 2 ปี จีดีพีขยายมา 2 ล้านล้านบาท มองทางด้านตลาดหุ้นปัจจุบัน 1,700 กว่าจุด ขณะนี้มีมาร์เก็ตแค็ป 17.7 ล้านล้านบาท 2 ปีมาร์เก็ตแค็ปโต 4 ล้านล้านบาท การสร้างความมั่งคั่งในประเทศชัดเจน ทุกภาคส่วนต้องสร้างให้ยั่งยืน โดยเฉพาะให้เกษตรกรได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ เรื่องของโครงสร้างรวยกระจุกมีมานานแล้วแต่เราพยายามแก้ไขปัญหานี้ การเติบโตเหล่านี้มีผลต่อการสร้างงาน การลงทุนของอีอีซีในอนาคตก็จะส่งผลต่อประชาชน มาตรการประชารัฐล้วนต้องการสร้างให้ได้ประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลพยายามมาตลอด การบริหารประเทศของเราต้องเอื้อเพื่อคนส่วนใหญ่ ตัวเลขที่ขึ้นมาดี แต่เราจะพยายามต่อไปให้ครอบคลุมคนชั้นกลางและชั้นล่าง เราจะพยายามต่อไปอีกจนกว่าเวลาจะหมด จะอดทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์ แต่การบริหารเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ไม่ใช่เพื่อคนยุคนี้อย่างเดียว เพื่อคนข้างหน้า ตอนเข้ามาบริหารมีภารกิจหลัก 2 ข้อคือ อย่าให้เศรษฐกิจทรุด และการปฏิรูป อย่าให้พลาดโอกาสในครั้งนี้ เมื่อปี 2548 ทุกอย่างขึ้นมาดี แต่ว่าเราพลาดโอกาสในการเปลี่ยนโครงสร้างให้เข้มแข็งเอื้อคนส่วนใหญ่ แต่ครั้งนี้ต้องไม่พลาดโอกาส ต้องก้าวข้ามปัญหาเหล่านี้ไปให้ได้ สิ่งที่ต้องมอง โลกเปลี่ยน หลายสิ่งเปลี่ยน สิ่งที่สร้างแต่สมัยก่อนใช้ไม่ได้แล้ว บุญเก่าอาจเป็นตัวถ่วง ในใจเสาหลักอดีตก็ให้เดินไปให้เข้มแข็งต่อไป แต่ต้องมีวิธีการใหม่ๆ ลงไปแนวลึก 1. ทุกอย่างของภาคการผลิตและการบริการต้องสร้างมูลค่า หมดสมัยที่จะทำแบบง่ายๆ แรงงานถูกๆ ไม่ใช่ยุคนั้นอีกต่อไป มูลค่าต้องมาจากคุณภาพ เช่นทุเรียนรักษาคุณภาพขายสดดีกว่าขายแปรรูป หันมาดูเรื่องบรรจุภัณฑ์ มาตรฐาน การใช้เทคโนโลยี เพื่อสร้างนวัตกรรม ให้คนอื่นแข่งกับเราไม่ได้ นวัตกรรมไม่ใช่ความคิดอย่างเดียว แต่ต้องจากการปฏิบัติจริง การดีไซน์ สิ่งเหล่านี้ต้องฝังลึกทั้งภาครัฐและเอกชน เรามีวัฒนธรรม ต้องแปรให้เป็นจุดเด่น เพราะไม่มีคู่แข่ง คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์แต่ต้องมาผันเป็นพาณิชย์   2.เศรษฐกิจจะเข้มแข็งดีต้องปลูกป่าผู้ประกอบการให้เต็มที่ ให้หนุ่มสาวมีโอกาส ไม่ใช่เศรษฐกิจที่มีรายใหญ่ไม่กี่ราย เพราะไม่ยั่งยืน โบราณทำได้ยากมากในการสร้างนักธุรกิจใหม่ แต่วันนี้คนตัวเล็กมีโอกาสท่องเน็ตขายของทั่วโลก มีแพล็ตฟอร์มใหม่ๆ รัฐบาลรู้ว่าคนตัวเล็กลำบาก กระทรวงอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนเต็มที่ สตาร์ทอัพ เป็นเป้าหมายของเรา  ผู้ประกอบการใหม่มีความเสี่ยง เราต้องสร้างสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจให้เขาเติบโตขึ้นมาให้ได้ โดยได้มอบหมายให้แบงก์ชาติ กระทรวงการคลัง ทุกภาคส่วนทำให้เป็น สตาร์ทอัพ เนชั่น (Startup Nation) ให้ได้ เราต้องการให้จำนวนธุรกิจที่มากๆ แล้วมาจ้างงาน ต้องลงไปถึงระดับการศึกษาไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอดห่วงโซ่การประกอบการ   3.ปัจจัยต่อไปเรื่องดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญ เทคโนโลยีดิจิทัลเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์ การทำธุรกิจสมัยนี้สร้างกลุ่มลูกค้าของเขาได้เลย สามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย ในอนาคตการปล่อยสินเชื่อไม่ใช้คน ธนาคารมีต้นทุนในการดูแลเงินฝาก จำเป็นต้องนำ AI เข้ามาสนับสนุน ต่อไปร้านสะดวกซื้อปล่อยสินเชื่อ ซึ่งข้อมูลแม่นยำกว่า เกมเปลี่ยนไปหมด ถ้าหากใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ การเติบโตของชาติจะเป็นทวีคูณ ประชาชนส่วนใหญ่มีโอกาสเข้าถึงทุนและเทคโนโลยีได้ง่าย ในประเทศไทยจะไม่ได้มีเพียงสตาร์ทอัพที่อยู่ในเมืองเท่านั้น แต่ในชนบทที่ห่างไกลวิสาหกิจชุมชนทั้งหลาย ถ้าให้เครื่องมือเขา เขาจะเปลี่ยนโลกเขาเลย เอสเอ็มอีไทยยังอ่อนแอ กระทรวงอุตสาหกรรมพยายามที่จะเปลี่ยนเอสเอ็มอีไปสู่ดิจิทัลให้ได้   4.สร้างภาคธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ในธุรกิจนี้มีห่วงโซ่ธุรกิจอื่นๆ เข้ามาร่วมหารายได้ได้มากมาย อดีตที่ผ่านมาเป็นเพียงธุรกิจที่มีสายป่านของผู้เกี่ยวข้องสั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว แม้แต่วิสาหกิจชุมชนเล็กๆ หรือผู้ประกอบการเพียงคนเดียว เอสเอ็มอีขนาดเล็กก็สามารถเข้ามาเชื่อมโยงกับสายธุรกิจนี้ได้ ด้วยขนาดของนักท่องเที่ยวปีละประมาณ 35-40 ล้านคน มันสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมากมาย อนาคตคนตกงานเราไม่กลัวเพราะมีภาคการเกษตร ท่องเที่ยว  บริการไว้รองรับ สร้างให้คนต่างจังหวัดมีธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร ทุกธนาคารควรเข้ามาให้ความร่วมมือเพื่อให้เซ็กเม้นต์เหล่านี้ได้เติบโต  ตอนนี้รัฐบาลให้แบงก์ชาติคิดนโยบายใหม่ที่สามารถสร้างงานใหม่ๆ ให้กับประเทศ   เมืองไทยที่ยังรวยกระจุกอยู่ เพราะมีเมืองใหญ่ไม่กี่ที่  ต้องสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจออกไปข้างนอกให้มากให้ได้ เพื่อสร้างการจ้างงาน รายได้ก็กระจาย ถ้าตัวเล็กไม่สามารถยืนได้ตัวเอง ตัวใหญ่ต้องมาช่วย ทำให้การจัดสรรงบประมาณต้องเน้นกลุ่มจังหวัด ใช้รถไฟเป็นตัววิ่งเพื่อเกิดการเชื่อมโยง จีดีพีจะไปอยู่ที่จังหวัด ถ้ามีสัก 15 จังหวัดที่แข็งแรง เป็นสิ่งใหม่ๆ ที่เราต้องมี   5.สุดท้ายตัวเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงประเทศไทยต้องเด่นในอาเซียน เราต้องสร้างภาพให้ได้ว่าเราเป็นศูนย์กลาง CLMVT เส้นทางการคมนาคมสากลกำลังจะพาดผ่านเรา สร้างภาพนี้ให้เด่นชัด อยู่ในหัวทุกคน บอกให้รู้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่า 7 %  เราพยายามโชว์ปมเด่นของเราให้เขาเห็น เพื่อให้เห็นภาพและเริ่มเชื่อ เป็นสิ่งที่พยายามทำมาตลอด ขอร้องให้ทุกคนช่วยกันพูด ผ่านมาทุกวันนี้ได้เพราะ 1 เชื่อมั่นเสียในศักยภาพของเราก่อน 2.ต้องมุ่งมั่นและใจสู้ มีสติเป็นหลัก มีกำลังใจที่เข้มแข็ง 3.เรากำลังเป็นสังคมที่ขาดความเชื่อถือซึ่งกันและกัน ไทยกำลังเป็นสังคมทอนกำลัง ในขณะที่เราต้องเปลี่ยนแปลงประเทศและต้องใช้ความร่วมมือร่วมใจของคนทั้งประเทศ
Tag :