ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม(STC) เปิดเผยว่า จากผลสำรวจ “ความรับรู้และความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อปัญหาการทำลายขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย” สำรวจระหว่างวันที่ 10 ถึง 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561 พบว่า ประชาชนร้อยละ 47.86 ให้ความสนใจติดตามข่าวการเข้าจับกุมโรงงานที่ลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมาทำลายในประเทศไทยบ้าง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 20.38 ระบุว่าให้ความสนใจติดตามโดยละเอียด

ทั้งนี้ยังพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 80.48 ไม่ทราบว่าในปัจจุบันประเทศไทยเป็นแหล่งนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศต่างๆ มากกว่าสามสิบประเทศ และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 73.03 มีความคิดเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายจากขยะอิเล็กทรอนิกส์สู่สาธารณะให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน 

ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 69.35 เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจกับการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมาทำลายในประเทศไทย

นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ยังมีข้อเสนอแนะว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบควบคุมสินค้าต่างๆ ที่นำเข้ามาในประเทศ มีการเพิ่มบทลงโทษกับโรงงานที่ลักลอบทำลายขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ และเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราโรงงานที่ประกอบกิจการแปรรูปขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง จะมีส่วนช่วยลดปัญหาการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมาทำลายในประเทศไทยได้

ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.01 มีความคิดเห็นว่า การอนุญาตให้มีการจัดตั้งโรงงานแปรรูปขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศจะไม่มีส่วนช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศได้จริง และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 74.06 มีความคิดเห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องออกกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศในทุกกรณี     

อย่างไรก็ตามจาก ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยในช่วงปี พ.ศ. 2556 ถึง 2559 ประเทศไทยมีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์จากชุมชนโดยเฉลี่ย 380,605 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 2.2 ต่อปี โดยขยะอิเล็กทรอนิกส์คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 64.8 ของปริมาณของเสียอันตรายที่เกิดขึ้นในชุมชนทั้งหมด