วันที่ 22 มิถุนายน  เมื่อเวลา 9.45 น. ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องไม่รับไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.กับคณะ คสช.รวม 5คน ร่วมกันเป็นกบฏ   โดยคดีดังกล่าว กลุ่มพลเมืองโต้กลับ โดยนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพและพวกรวม 15 คน โดยมีนายอานนท์ นำภา เป็นผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ฟ้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รวม 5 คน ประกอบด้วย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย, พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง, พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว และพลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113   ซึ่งคดีนี้ ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ คำสั่งยกฟ้อง ไม่รับไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ฝ่ายโจทก์จึงยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น รับคดีโจทก์ไว้ไต่สวนมูลฟ้องด้วย ศาลฎีกาประชุมสำนวนและพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่ขัดต่อกฎหมาย ที่ 2 ศาลพิพากษามา เห็นชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์   นายอานนท์ นำภา กล่าวภายหลังฟังคำสั่งว่า เคารพความเห็นของศาลที่พิเคราะห์ว่าการกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ และพวก ไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ แม้ว่าคำพิพากษาจะไม่สามารถเอาผิดกับจำเลยที่ก่อการรัฐประหารได้ แต่ทางกลุ่มก็ได้แสดงให้เห็นว่าการรัฐประหารเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ เชื่อว่าจะสร้างความตื่นตัวให้สังคมและหวังว่าต่อไปในอนาคต คนในสังคมจะต่อต้านการรัฐประหาร ไม่ให้มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก   ขณะที่ทางกลุ่ม ยืนยันว่าจะยังเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับการรัฐประหาร และพร้อมสนับสนุนกลุ่มนักการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง   พร้อมกันนี้ นายอานนท์ มองว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ มีแนวคิดกำหนดวันเลือกตั้งหลังพระราชพิธีสำคัญ มองว่าเรื่องดังกล่าวอาจเป็นเพียงการขยายเวลา ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีกำหนดการออกมาอย่างชัดเจน พลเอกประยุทธ์ก็ยังสามารถกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันใดก็ได้   ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 5 คน ไม่ได้เดินทางมาฟังคำสั่งศาล แต่ส่งทนายความมาแทน ส่วนฝ่ายโจทก์เดินทางมาทั้งหมด พร้อมมวลชนที่เดินทางมาเป็นกำลังใจจำนวนหนึ่ง