“หมูป่า”เผยหมดเปลือก 10 วันติดถ้ำ เป็นประสบการณ์ที่มีค่า

by ThaiQuote, 18 กรกฎาคม 2561

  เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. (18 ก.ค.61)ได้มีการสัมภาษณ์พิเศษทีมหมูป่า 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน การที่ อาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายจังหวัดเชียงราย โดยประกอบด้วยนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทีมหมูป่า 12 คนพร้อมโค้ช พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน ผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ หรือหมอภาคย์ พร้อมซีล 3 คนที่ร่วมอยู่ในถ้ำกับเด็กตลอดช่วงที่ติดถ้ำ ตอลดจน นพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พญ.พัชนีวรรณ อินต๊ะ หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวช คุณอัปษรศรี ธนไพศาล นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญพิเศษ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ การสัมภาษณ์เริ่มต้นจาก นพ.ไชยเวช กล่าวว่า เมื่อคืนมีกิจกรรมเสริมสร้างกำลังใจให้ทีมหมูป่า พบว่ากำลังใจดีเยี่ยม มีความเข้มแข็งจากภายในที่พร้อมจะเดินต่อ และสามารถเผชิญสังคมภายนอกได้ กิจกรรมดังกล่าวจบลงด้วยดี ทุกคนคุมอารมณ์ดี สู้กับปัญหาได้ สำหรับความต้องการของหมูป่าทุกคนอยากกลับบ้าน สภาพร่างกายและจิตใจทุกคนสมบูรณ์ ขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลโดยหลักสาธารณสุข เป็นการดูเรื่องโรคอุบัติใหม่ ซึ่งก็ไม่มี น้ำหนักเพิ่ม 3 กิโลกรัม สภาพจิตทางโรงพยาบาลทดสอบกันหลายหน ยืนยันว่าผ่านแล้ว พญ.พัชนีวรรณ อินต๊ะ กล่าวว่า จากการพูดคุย ตรวจประเมินจิตวิทยา ทำกิจกรรมบำบัด โดยใช้สื่อต่างๆ ประกอบ คิดว่าจิตใจเด็กมีความเข้มแข็งทางใจดี ตอบรับสภาพความเครียดได้ สภาพร่างกายจิตใจใช้ชีวิตตามปกติได้ คุณอัปษรศรี ธนไพศาล กล่าวว่า ทางด้านนักจิตวิทยาได้เข้าไปพูดคุยแล้ว พบว่าหมูป่ามีความเข้มแข็งทางใจตั้งแต่อยู่ในถ้ำ มีปัจจัยบวกมาก มีการเตรียมการที่จะมาเจอภายนอก น้องมีวิธีรับมือพอสมควร โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าพร้อม หมอภาคย์ กล่าวว่า ที่จริงน่าจะพร้อมตั้งแต่อยู่ในถ้ำ สังเกตเวลาหลังได้อาหาร 3-4 มื้อ เริ่มมีกำลังกายกลับมา ก็จะเห็นหมูป่าพูดกันมากขึ้น พูดเรื่องเกี่ยวกับอาหารว่าอยากกินอาหารอร่อย การไปเที่ยว หลายคนสัญญาว่าจะเอาอาหารแปลกๆมาให้หมอภาคย์ด้วย มั่นใจว่ากลับมาใช้ชีวิตปกติได้ และได้ตกลงกันว่าปิดเทอมนี้จะไปเที่ยวโคราช พญ.พัชนีวรรณ กล่าวว่าการปฏิบัติครั้งนี้นับเป็นสิ่งที่ภูมิใจ ดีใจ เราไม่ได้ทำงานคนเดียว ทำงานเป็นทีมสาธารณสุข มีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยตั้งแต่ทีมฉุกเฉิน ราชวิทยาลัยจิตแพทย์ ชมรมจิตแพทย์วัยรุ่น ทุกคนอยากให้งานออกมาดี หมูป่าเองก็ไม่ดื้อ เรียบร้อย น่ารักมาก ฟังโค้ชเอกมากที่สุด ผู้ใหญ่เครียดกว่า น้องพัฒนาตามวัย ความเข้มแข็งน้องๆ ทุกคนมี เราได้รับพลังบวกจากน้อง เรามีการทำงานเป็นทีม ทุกคนได้รับคล้ายๆ กัน หัวใจพองเมื่อเจอชาวอังกฤษมาช่วย ต่อมาคุณสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งเป็นพิธีกร ก็ได้ถามถึงลำดับในการใช้ชีวิต โดยถามว่า ใครเป็นคนพูดกับฝรั่งก่อน ดช.อดุลย์ ตอบว่า วันนั้นตอนเย็นนั่งขูดหินอยู่ ได้ยินเสียงคนพูด พี่เอกบอกให้เงียบ หยุดแล้วฟัง ปรากฏว่าเป็นเสียงของคนจริง เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ทุกคนดีใจมาก เป็นความหวังในรอบ 10 วัน ตอนนั้นตกใจมากที่มีคนมาช่วย กว่าจะคิดคำถามตอบโต้ได้ ก็ใช้เวลาพอสมควร และเราเป็นคนทักทายเขาก่อน เขาค่อยโผล่หน้าขึ้นมา แรกๆ คิดว่าเป็นคนไทย ต่อมาก็มีการพูดคุยกัน เขาถามว่า อยู่กันกี่คน ผมตอบ 13 คน แล้วเขาก็บอกว่าเยี่ยม แล้วถามต่อว่า สบายดีไหม อยู่กันกี่วันแล้ว ก็ตอบไปว่า 10 วัน ตอนนั้นมีหลายคนฟังไปรู้เรื่อง ก็เลยเตือนกันว่าให้ใจเย็นๆ ทุกคนดีใจมาก ทำให้หัวใจเราพองโต ตอนนั้นบิลตะโกนว่าหิวอย่างเดียว นอกจากนี้ทีมหมูป่ายังบอกว่าหลังจากออกมาได้ได้ดูสดรอบชิง สนุกมาก เสียงเชียร์โรงพยาบาลดังสุด ส่วนใหญ่ทีมหมูป่าเชียร์ทีมฝรั่งเศส รวมทั้งโค้ชเอก ทำไมเข้าไปในถ้ำ ถัดจากนั้นนายสุทธิชัย ถามว่าเข้าไปในถ้ำทำไม โค้ชเอก ตอบว่า “เป็นการปรึกษากันตั้งแต่แรก น้องๆ บอกพี่อาทิตย์หน้าไปถ้ำหลวง เพราะมีหลายคนไม่เคยไป หลังจากนั้นวางโปรแกรมซ้อม อุ่นเครื่องบนดอย ในกลุ่มอายุไม่เกิน 16 ปี พออุ่นเครื่องเสร็จพากันไปที่ถ้ำ พวกเราตั้งใจไปศึกษา เพราะต่างอยากเห็น ผมเคยไป น้องไม่เคยไป ตอนผมไปครั้งแรกเดินเลยเนินนมสาว ไปกับน้องๆ หลายคน ครั้งนั้นที่สามแยกก็มีน้ำ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เราตั้งเป้าว่าเรามีเวลา 1 ชม.ต้องออก เพราะเวลา 17.00 น. ต้องไปส่งน้องชนินทร์ หรือน้องไตตั้น วิบูลย์รุ่งเรือง ไปเรียนพิเศษ ยืนยันว่า ไม่มีการเข้าไปฉลองวันเกิดใคร โค้ชเอกบอกว่ารู้ว่าติดตอนที่ออกกลับมา เพราะตอนนั้นอยู่แถวบริเวณ เมืองลับแล บาดาล เป็นแหล่งน้ำ ทุกคนถามว่าจะสำรวจ ต้องว่ายน้ำ อาจเปียกหนาว มีน้องตี๋อาสาเช็คว่าลึกหรือไม่ ยืนยันว่าส่วนใหญ่ว่ายน้ำเป็น แต่บางส่วนไม่แข็งแรง เพราะเสาร์อาทิตย์หลังซ้อมบอลก็ไปฝึกว่ายน้ำ โค้ชเล่าต่อว่า ตอนให้น้องตี๋เช็กน้ำไม่ลึก ก็เลยพากันขึ้นฝั่ง ทุกคนไป ผมก็ตามไป แต่ต่อไปสักระยะเราไปไม่ได้ ถ้าไปต่อเราต้องมุดน้ำ ดูนาฬิกาแล้วว่าเกินเวลา จึงได้ปรึกษากันให้ถอยทัพ ในช่วงขากลับออกมาเจอน้ำท่วมสูงปิดเส้นทางออก หลายคนพยายามที่จะให้กำลังใจ สู้ต่อไม่ต้องท้อ พยายามตั้งสติ จากนั้นจึงพยายามขุดทรายเพื่อให้น้ำลด แต่น้ำก็ไม่ลด จึงหาที่นอน หวังว่าพรุ่งนี้น้ำจะลด คุณสุทธิชัยถามว่าทีมหลงทางหรือเปล่า โค้ชเอกบอกว่า “ไม่หลงแน่นอน เพราะมีเส้นทางเดียว ผมไปเช็กเอง ให้อดุลย์ถือเชือก แล้วบอกว่าถ้าพี่กระตุกเชือก 2 ครั้ง แปลว่าออกได้ แต่มุดข้าไป ข้างล่างเป็นทราย ก้อนหิน เลยกกระตุกเชือกครั้งเดียวให้น้องๆ พากันดึง แล้วคิดว่าเราต้องหาทางออกใหม่ แต่ทุกคนในขณะนั้นไม่ท้อ ทุกคนสู้ จากนั้นก็หาที่นอนด้วยหวังว่าพรุ่งนี้น้ำจะลดแล้วจะได้ออก พวกเราไม่มีอาหาร ไม่ได้เตรียมอะไรไป กินกันจากที่สนามซ้อมบอล จากนั้นเราก็ถอยออกจากจุด 3 แยก 200 เมตร เนินเป็นทราย มีน้ำย้อยทีผากับหิน เราคิดว่าอยู่ใกล้แหล่งน้ำดีกว่า ก่อนนอนหลับ บอกว่าไหว้พระ พากันไหว้พระ ตอนนั้นไม่กลัว คิดว่าพรุ่งนี้น้ำน่าจะลด ก่อนที่ชาวอังกฤษจะมาพบ น้องๆ ทีมหมูป่าได้ปรึกษากันแล้วว่า มีทางออกอีกทางหนึ่งอยู่ที่ปลายถ้ำ แต่ไกลมาก เสี่ยงเกินไป ให้ถอยมาที่เนินนมสาวแล้วคิดว่า 1. รอให้น้ำลด 2.รอให้คนมาช่วย ช่วงนั้นฝนตกไม่ถึงชั่วโมง น้ำขึ้น 3 เมตร การใช้ชีวิตในถ้ำยามว่างหมูป่าจะผลัดกันกินน้ำให้อิ่มแล้วขึ้นไปขุดหลุมผนังถ้ำด้วยก้อนหิน ทำได้ลึกประมาณ 3-4 เมตร ขุดเพื่อหาทางออก ตอนเย็นลงมาเนินใกล้น้ำ น้ำใสกินน้ำตรงนั้น นอนใกล้น้ำที่สุด การใช้ชีวิตในถ้ำ ทีมหมูป่าเล่าถึงช่วงอยู่ในถ้ำว่า ส่วนใหญ่ถ้าหิวก็กินน้ำจากหินย้อย เพราะเชื่อว่าสะอาด เหมือนน้ำเปล่าทั่วไป วันแรกยังไม่รู้สึกอ่อนแอผ่านไป 2 วันถึงรู้สึก โค้ชเอกจึงแนะนำให้อยู่นิ่งๆ ใช้ไฟฉายทีละคน ให้คนมีไฟฉายแรงๆ เก็บไว้ก่อน ตอนที่ทีมอังกฤษมาเจอ ส่วนใหญ่อ่อนแรง ไม่มีแรง น้องที่เล็กที่สุด หน้ามืดไม่มีแรง หิว หิวมากๆ วิธีแก้คือจะไม่คิดถึงอาหาร เพราะจะทำให้หิวกว่าเดิม ต่อมาหมอภาคย์ได้เล่าถึงช่วงที่ตนเองได้เข้าไปในถ้ำแล้วว่าหลังพบเด็ก ตนและทีมซีลมีหน้าที่ดูแลน้องๆ เพิ่มพลังงาน อนุบาลร่างกายให้แข็งแรง พิจารณาแผนพาออกให้กองอำนวยการวางแผน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ พาไปทางเดิม ดำออกไป เพราะลำบากมาก ตอนแรกหาวิธีเจาะโพรง น่าจะปลอดภัยที่สุด ถ้าทำได้ หรือไม่ก็รอให้ระดับน้ำให้รอลดลงไป เท่าที่ฟังแผนจากคนส่งเสบียงมาให้กินได้ 1-2 อาทิตย์ บอกว่าแผน 1. คือคอย แผน2.ใช้หน้ากากพาออก แต่ตนก็เป็นห่วง ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจดำน้ำออก ซึ่งที่ไม่เคยมีในโลก ทางด้านทีมซีลให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับคำสั่งจาก พลเรือตรีอาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือหน่วยซีล บอกแล้วว่า ถ้าไม่เจอเด็กไม่กลับ เมื่อเข้าไปพบเด็กๆ ก็ทดสอบกำลังใจก่อน ระหว่างการรอเวลานำออกจากถ้ำ มีการทดลองจิตใจเด็กๆ ว่าสู้ไหม เด็กๆ ก็ตอบว่าสู้ ทางด้านทีมหมูป่าพูดถึงความรู้สักต่อซีลว่าทุกคนผูกพัน เหมือนครอบครัวเดียวกัน กินนอนด้วยกัน เด็กๆ รู้สึกกับพี่ใบเตย (ซีล) เหมือนพ่อ เพราะเขาเรียกเด็กๆ ว่าลูก ทางด้านหมอภาคย์บอกว่าสนิทสนมกันทุกคน ซีลทุกคนสนิทหมด 9 วันเราต้องแบ่งปันกันและกัน ดูแลอย่างไรทำให้เด็กอยู่แล้วสบายใจ มองเด็กเหมือนลูก เอ็นดู ซึมซับกันไป วิธีคัดลำดับคนออก นายสุทธิชัยถามว่า ตอนที่ออกมาเลือกกันอย่างไร โค้ชเอกบอกว่าได้ปรึกษาหน่วยซีล ซึ่งหน่วยซีลให้โค้ชเอกพิจารณา ใครออกก่อนก็ได้ โค้ชเอกจึงพิจารณาให้ชุดแรกเป็นชุดบ้านอยู่ไกล จะได้ปั่นจักรยานกลับบ้าน ฝากความหวังไปบอกครอบครัวว่าพรุ่งนี้จะกลับ ให้เตรียมอาหาร ไม่มีการดูความแข็งแรงอ่อนแอ ส่วนใหญ่เป็นความสมัครใจ ส่วนหมอภาคย์บอกว่า การคัดเลือกคุยกับนายแพทย์ริชาร์ด แฮร์ริสแล้ว ประเมินว่าสุขภาพทุกคนแข็งแรงใกล้เคียงกัน ใครออกก่อนก็ได้ ให้โค้ชเอกคัดเลือก หมูป่าเศร้าที่เสียจ่าแซม ทีมหมูป่าบอกว่าสิ่งที่ตนเองรู้สึกเศร้าคือการสูญเสียจ่าแซม โค้ชเอกกล่าวว่า “ รู้สึกเสียใจ ในขณะเดียวกันก็ประทับใจจ่าแซม ที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องน้องๆ ให้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ตอนแรกพอพวกเรารู้ก็ช็อก จริงเหรอ ทุกคนเสียใจ เหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุให้พี่จ่าและครอบครัวเดือดร้อน” ทีมหมูป่าทั้งหมดต่างก็บอกว่าจากบทเรียนในครั้งนี้ รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจทุกคน จะใช้สติอย่างมีประโยชน์ ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า จากการประสบภัยในครั้งนี้ ถ้าจะทำอะไรก็จะเช็กให้ดีว่าควรทำหรือไม่ ได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับอุทกภัยนี้ ก็จะเป็นคนดีของสังคม ส่วนความฝันของเด็กๆ ทีมหมูป่ายังไม่เปลี่ยนคือจะเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ ตั้งใจเรียนหนังสือ และมีอีกหลายคนที่อยากเป็นซีลด้วย เพื่อมาช่วยสังคม สิ่งที่ทุกคนได้มาคือความไม่ประมาท อดทน และจะไม่เข้าไปเล่นในถ้ำอีกแล้ว นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายคนใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่เด็กๆทุกคนกลับบ้านแล้ว จะมีชุดสหวิชาชีพ มีนายอำเภอ เป็นประธานในการดูแล และรายงานให้รับทราบจนกว่าทุกคนจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเป็นปกติ ส่วนเรื่องที่น้อง 4คนที่ยังไม่ได้สัญชาติไทย อยู่ในระหว่างดำเนินการการตามขั้นตอน นอกจากนี้หลังจากทีมหมูป่ากลับบ้านแล้วสิ่งแรกที่ทุกคนอยากทำคือไปขอโทษพ่อ-แม่ เพราะต่างก็บอกว่าออกมาซ้อมบอล ไม่ได้บอกว่ามาเที่ยวถ้ำ ทำให้พ่อแม่เสียใจ และหลายคนตอนอยู่ในถ้ำกลัวถูกพ่อแม่ลงโทษ หลังจากการสัมภาษณ์เสร็จทุกคนยังไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระเมตตาโปรดสิ่งของมาช่วยเหลือในครั้งนี้
Tag :