แอปเปิล แชมป์ มาร์เก็ตแคปสูงสุดของโลก 7 ปีซ้อน

by ThaiQuote, 10 สิงหาคม 2561

นาย บุญเลิศ กมลชนกกุล หุ้นส่วน และหัวหน้าสายงาน Clients and Markets บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงาน Global Top 100 companies by market capitalisation ของ PwC ที่ทำการวิเคราะห์ 100 อันดับบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) สูงสุดของโลกว่า มาร์เก็ตแคปรวมของ 100 บริษัทขนาดใหญ่ของโลก ณ 31 มีนาคม 2561 อยู่ที่ 20,035 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2,597 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 15% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของมาร์เก็ตแคปนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 12%   ทั้งนี้ เกินกว่าครึ่งของ 100 อันดับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงที่สุดของโลกเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน (หรือ 54 บริษัท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 55 บริษัท) ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยคิดเป็น 61% ของมาร์เก็ตแคปรวม ลดลงจาก 63% ในปีที่แล้ว   บริษัทที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นสูงที่สุด 3 อันดับแรกจาก 100 อันดับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ของโลก ณ 31 มีนาคม 2561 ได้แก่ อันดับที่ 1 อเมซอน โดยมีมูลค่าของมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นถึง 278 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อันดับที่ 2 และ 3 เป็นบริษัทสัญชาติจีน ได้แก่ เทนเซ็นต์ มีมูลค่าของมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 224 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 82% และ อาลีบาบา มีมูลค่าของมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 201 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 75% ตามลำดับ   อย่างไรก็ดี แอปเปิล ถือเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่อันดับที่ 1 ของโลกเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน แม้ว่ามูลค่ามาร์เก็ตแคปที่เพิ่มขึ้นจะเป็นอันดับที่ 6 ของโลกก็ตาม  โดย แอปเปิล เป็นบริษัทที่มีมูลค่าการจ่ายคืนผู้ถือหุ้นสูงกว่าบริษัทอื่นๆ ในโลก เห็นได้จากการจ่ายปันผลและการซื้อหุ้นคืนในปีที่ผ่านมา ถึง 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ   ในส่วนของตลาดหุ้นไทย  ณ 31 มีนาคม 2561 มาร์เก็ตแคปของ SET และ mai อยู่ที่ 18.1 ล้านล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 15.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านล้านบาท หรือ 14.7% โดยบริษัทในกลุ่มบริการ มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ที่ 4.4 ล้านล้านบาท ตามด้วยอันดับที่ 2 กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรที่ 4 ล้านล้านบาท และอันดับที่ 3 กลุ่มธุรกิจการเงินที่ 2.9 ล้านล้านบาท   "เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงกว่า 40 ปีที่ผ่านมา มีพัฒนาการที่เติบโตทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพอย่างต่อเนื่องไปพร้อมๆ กับเศรษฐกิจและกิจการของประเทศที่ก้าวหน้าขึ้น กลุ่มอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดหุ้นไม่ได้กระจุกตัวอยู่เพียงบริษัทในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พลังงาน หรือ สื่อสาร เหมือนเช่นในอดีต โดยบริษัทในกลุ่มบริการ ค้าปลีก สุขภาพ และ การท่องเที่ยว ได้กลายเป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ขนาดของตลาดหุ้นไทยนั้น มีความหลากหลายและน่าสนใจในสายตาของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น   สำหรับอนาคตต่อจากนี้ คงต้องจับตาบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเวลานี้กำลังเป็นเทรนด์ของโลก โดยเชื่อว่า ด้วยแนวโน้มความต้องการของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป น่าจะยิ่งผลักดันให้บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีและตลาดทุนโดยรวมของไทยยิ่งเติบโตกว่าในยุคก่อนๆ"