นายคมกริช นาคะลักษณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 1 ของประเทศ เปิดเผยกับ สำนักข่าว Thai Quote ว่า บริษัทมิตรผลกำลังปรับธุรกิจเข้าสู่ new s-curve ไปโอ เทคโนโลยี ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน จากขณะนี้บริษัทมีกิจการที่ต่อยอดจากน้ำตาล คือ การผลิตไฟฟ้า และ เอทานอล รวมทั้งการนำกากน้ำตาลไปผลิตปุ๋ย และอาหารสัตว์ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นที่ 2 ของ ไบโอ เทคโนโลยี โดยกำลังเข้าสู่ขั้นที่ 3 คือ เร่งงานวิจัยไปสู่ผลิตภัณฑ์ไบโอ จากอ้อยในระดับสูงขึ้น เช่น ผลิตอาหารเสริมสำหรับมนุษย์ สินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เคมีต่างๆ จนถึงขั้นสูงสุดคือยา “วันนี้อุตสาหกรรมอ้อย มีความเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไปมาก เช่น การบริโภคน้ำตาลน้อยลง การส่งออกมีการกีกกันทางการค้าสูง ขณะที่การใช้น้ำมันก็มีแนวโน้มลดลง กระทบต่อกิจการเอทานอล เพราะโลกกำลังเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า บริษัทจึงต้องเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาล” อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ของมิตรผลในการเข้าสู่ New S-curve ไม่ได้ขับเคลื่อนเฉพาะบริษัท แต่ต้องไปพร้อมกันทั้งซัพพลายเชน โดยขณะนี้บริษัทมีเกษตรกรชาวไร่อ้อยนับหมื่นครอบครัว เป็นฐาน จึงต้องเดินเกษตรกรไปพร้อมๆกันด้วย ทั้งนี้มิตรผลมีส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมอ้อย ประมาณ 40-50 % ของมูลค่าอุตสาหกรรมทั้งสิ้นราว 1 แสนล้านบาท