ไม่กี่วันก่อนไม่รู้โดนคุณไสยหรือคุณเสือกอะไรเข้าไป ทำเอา“เสี่ยหนู” หรือนายอนุทิน  ชาญวีรกูล รักษาการหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ”ขาใหญ่”แห่งอาณาจักรธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแถวหน้าของเมืองไทย ยี่ห้อ"ซิโนไทยเอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น” เผลอหลุดปากตั้งข้อสงสัยในความคุ้มค่าของงบประมาณที่รัฐบาลอัดฉีดลงไปในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือที่รู้จักเรียกขานกันทั่วไป..”อีอีซี” เท่านั้นยังไม่พอ “เสี่ยหนู” ยังพรั่งพรูวิสัยทัศน์ย้อนแย้งอีอีซีออกมาอีกชุดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตอกลิ่มทิ่มให้เกิดความไม่ปรองดองขึ้นในบ้านเมือง ด้วยการระบุเปรี้ยงไปทำนองว่ารัฐบาลเลือกที่จะเอื้อประโยชน์เป็นพิเศษแก่ 3 จังหวัดในอีอีซี แต่ปล่อยให้จังหวัดอื่นๆที่เหลือได้แต่มองตาปริบๆ ซึ่งเป็นเหมือน “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” แหม!พูดได้หล่อ พูดได้เท่เก๋ไก๋ สมกับความเป็น “เสี่ยหนู”ชมัดยาด น่าเสียดายคำพูดสวยหรูที่หลุดหล่นจากช่องปากเสี่ยหนู กับกองผลประโยชน์ที่หนุนความมั่งคั่งและบารมีแก่เสี่ยหนู รวมทั้งมรรคผลจากโครงการอีอีซีที่แท้จริง มันสวนทางกันอย่างแรง....

1. เสี่ยหนู ที่จาบจ้วงโครงการอีอีซี เป็นโครงการที่เลือกปฏิบัติ เอื้อโยชน์เฉพาะ 3 จังหวัดในอีอีซี เข้าตำรา”ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” แล้วสถานะความเป็นนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นปี 61-62 เป็นสถานะที่ได้มาจากการเลือกปฏิบัติ ตามแบบฉบับ”ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” หรือไม่
2. น่าสงสัยเป็นที่ยิ่งว่าเสี่ยหนู ที่จาบจ้วงโครงการอีอีซี เป็นโครงการที่เลือกปฏิบัติ แล้วเหตุใดจึงสนใจเข้าไปแข่งขันแย่งชิง”น้ำฝน”ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
3. ขุมพลังของโครงการอีอีซี ที่จะเหนี่ยวนำกระแสเงินให้หลากเข้าไปลงทุนกว่า 1.65 ล้านล้านบาท ระหว่างปี 2561-2566 จะมีบทบาทอย่างสำคัญในการประคับประคองอัตราการเติบโตของระบบเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพไม่น้อยว่าปีละ 5 % และก่อเกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 1 แสนอัตราต่อปี อีกทั้งยังจะมีส่วนในการสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 450,000 ล้านบาท แถมยังจะช่วยทำให้รัฐบาลมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี

น่าสังเกตว่า มรรคผลจากโครงการอีอีซี เป็นมรรคผลที่กระจายโอกาสครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสการมีงานทำ สำหรับคนทำงานที่มีความกระตือรือล้นในการพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการใช้อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมืออัตโนมัติ ยิ่งใกล้เลือกตั้งมากเท่าไหร่ ลมปากนักการเมืองจะยิ่งหวานหยดย้อยหยาดเยิ้มมากขึ้นเท่านั้น ส่วนชาติบ้านเมืองจะบรรลัยวายป่วงยังไง.....กูไม่สน!!! โดย "รัมย์ฤตา"