นายวันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญสายความมั่นคงมองประเด็นนี้ว่า เป็นจังหวะในช่วงเปลี่ยนผ่านการส่งไม้ต่อในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ (พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพน้อยที่ 4) ซึ่งรับตำแหน่งต่อจาก พล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช  จึงอาศัยจังหวะดังกล่าวเป็นการทดสอบฝีมือของแม่ทัพคนใหม่ ว่าจะมารับโจทย์ที่ท้าทายได้อย่างไร

“ ทำให้เห็นว่าขบวนการนี้ไม่สงบหรือหายไปจริงๆ แม้พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ที่ขยับขึ้นรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่4คนใหม่ จะมีประวัติรับราชการในพื้นที่ เป็นคนในพื้นที่ก็ตาม การเคลื่อนไหวแบบนี้จะเป็นไปในลักษณะท้าทาย ต้องการให้ฝ่ายความมั่นคงแสดงท่าที แสดงบทบาทออกมา ว่าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร ต่อมา เราจะเห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เป็นสถานการณ์ที่ใกล้กับการเมืองระดับชาติ ทุกคนมองไปเรื่องการเลือกตั้ง  เขาจึงฉกฉวยสถานการณ์ขณะนี้ เป็นช่องโหว่หรือให้ความรู้สึกว่าคนในส่วนภาคอื่น ไม่ได้สนใจปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จริงๆเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ก็เฝ้าระวังอยู่แล้ว แต่การก่อสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อตอกย้ำว่า ปัญหานี้ยังคงอยู่ ”

เมื่อถามถึงผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการแนวทางสันติสุขของกองทัพได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ เพราะเมื่อฝ่ายรัฐเกิดช่องโหว่ เพียงเล็กน้อยการก่อเหตุก็สามารถเกิดขึ้นทันที รองคณบดีท่านนี้กล่าวว่า ปัญหาของการทำงานของฝ่ายความมั่นคงไม่เป็นเอกภาพ  แนวทางการพาผู้กลับใจกลับบ้านนั้น ของ พล.ท.ปิยวัฒน์  แม่ทัพภาคที่4คนปัจจุบัน  จะเห็นได้ว่า หน่วยความมั่นคงอื่นๆ ไม่ค่อยจะเห็นด้วย หรือสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน  และเป็นไปในลักษณะโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลงานส่วนตัวของ พล.ท.ปิยวัฒน์ มากกว่า

“ เป็นการโฆษณาพื้นที่ข่าวส่วนตัวมากกว่า ตัวเองได้พื้นที่ตรงนี้มากกว่า  และยังไม่แน่ใจว่า คนที่กลับใจ คนที่หลงผิด ที่เข้ามาในโครงการ มีอิทธิพลในขบวนการของเขามากน้อยแค่ไหน  ถูกตัวทุกคนหรือไม่ ”

เมื่อถามถึงการเผยแพร่เรื่องราวหรือภาพคนที่อ้างว่าเป็นคนในขบวนการก่อการร้าย แฝงตัวในคราบเจ้าหน้าที่ นักวิชาการความมั่นคง บอกว่า เป็นการหวังผลดิสเครดิตฝ่ายรัฐ  เพราะประชาชนไม่ได้ติดตามข้อมูลจากส่วนกลาง  ข้อมูลที่ได้จะเป็นการผ่านนักการศาสนา หรือ ตัวแทนเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปในพื้นที่  และทัศนคติมองเจ้าหน้าที่เป็นเชิงลบมาตลอด เป็นการโหมลุกฮือ จะทำให้ชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือได้ง่าย คิดว่าหน่วยงานความมั่นคงคงจะทราบเรื่องนี้มาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม นายวันวิชิต แนะนำทาง คสช. ต้องรีบคลายล็อคให้นักการเมือง นักกิจกรรมทางการเมือง ในพื้นที่ในท้องถิ่น มีโอกาสเสนอนโยบายการสร้างสันติสุข เพื่อให้สามารถนำพาพื้นที่กลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เป็นแค่หน้าที่ของหน่วยงานราชการ

“ จริงๆแล้วหน่วยงานความมั่นคงจะต้องรับฟังความคิดเห็นแนวทางหรือนโยบายของฝ่ายการเมืองในพื้นที่  อย่างเช่นพรรคการเมืองที่เกิดในนาม พรรคประชาชาติ ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มีแนวทางอย่างไรกับการแก้ไขปัญหาไฟใต้  ความรุนแรงในพื้นที่ หรือแม้แต่พรรคประชาธิปปัตย์ รวมทั้งพรรคการเมืองอื่นๆ มีแนวทางอย่างไร เอาแนวทางเหล่านี้มาปรับใช้ เพราะอย่างน้อยที่สุด คนเหล่านี้มีมวลชน มีฐานกลุ่มคน ที่เคลื่อนไหวที่จะสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนที่ยังรุ้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง  พูดง่ายๆว่า เป็นการบูรณาการขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน มีความเป็นไปได้  ลำพังการใช้วิธีใช้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน 100 %  มันต้องใช้เวลาในความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นยาวนานพอสมควร “