"พาณิชย์" ปลื้ม ส่งออกสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ 8 ด. 22,794 ล้านเหรียญฯ

by ThaiQuote, 22 กันยายน 2561

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือน ส.ค.2561 มีมูลค่า 22,794.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.68% ซึ่งเป็นมูลค่าส่งออกต่อเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการส่งออกมา ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 23,382.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.80% โดยขาดดุลการค้าเป็นมูลค่า 588.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดรวม 8 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ส.ค.) การส่งออกมีมูลค่า169,030.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.03% นำเข้ามูลค่า 166,678.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.89% โดยเกินดุลการค้ามูลค่า 2,351.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกเดือน ส.ค.2561 เพิ่มขึ้น มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 4.1% สินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ดี เช่น ผัก ผลไม้สดแช่แข็งกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 16.1% เครื่องดื่ม เพิ่ม 30.9% ข้าว เพิ่ม 9.1% ส่วน ยางพารา ลดลง 19.4% น้ำตาลทราย ลด 19.1% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 5.8% โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่ม เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เพิ่ม 21.8% รถยนต์และส่วนประกอบ เพิ่ม 19% เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพิ่ม 50.6% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่ม 17.8% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เพิ่ม 32.2% แต่ทองคำ ลด 66.6% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ ไดโอด และโซลาร์เซล ลด 23.1% ทางด้านตลาดส่งออกสำคัญ ขยายตัวได้ดี โดยตลาดหลัก เพิ่ม 3.2% โดยญี่ปุ่น เพิ่ม 14.6% สหรัฐฯ กลับมาเป็นบวก 0.6% แต่สหภาพยุโรป (15 ประเทศ) ลด 4.3% หดตัวครั้งแรกในรอบ 16 เดือน เพราะปีก่อนไทยส่งออกเครื่องบินที่ส่งมาซ่อมกลับไปให้สหภาพยุโรป ทำให้ฐานสูง ตลาดศักยภาพสูง เพิ่ม 19.2% โดยอาเซียน 5 ประเทศ เพิ่ม 35.5% สูงสุดรอบ 85 เดือน CLMV เพิ่ม 32.5% สูงสุดรอบ 78 เดือน จีน เพิ่ม 2.3% อินเดีย เพิ่ม 22.7% ฮ่องกง เพิ่ม 11% แต่เกาหลีใต้และไต้หวัน ลด 4.6% และ 6.4% ตลาดศักยภาพระดับรอง เพิ่ม 5.1% เช่น ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 10.1% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 6.6% สหภาพยุโรป (12 ประเทศ) เพิ่ม 18.7% รัสเซียและ CIS เพิ่ม 78.6% แคนาดา เพิ่ม 14% แต่ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ลด 6.7% และ 5.7% ส่วนตลาดอื่นๆ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ลด 93.8% น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า “จะเห็นได้ว่าตลาดส่งออกของไทยเกินครึ่งได้หันมาทางเอเชีย โดยเป็นการส่งออกไปอาเซียน จีน อินเดีย รวมกันแล้วมากกว่าการส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปอีก และแนวโน้มต่อไปก็จะยังคงเป็นแบบนี้ ซึ่งทำให้ไทยต้องให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในเอเชียเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสสูง แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้มั่นใจว่าเป้าหมาย 8% ทำได้แน่นอน และมีโอกาสขยายตัวสูงถึง 9% ได้ มีมูลค่าประมาณ 257,932 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการส่งออกในแต่ละเดือนนับจากนี้ จะต้องส่งออกได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าจะให้ไปถึง 10% ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็หนัก เพราะฐานปีก่อนขยายตัว 2 หลักหมดเลย ตั้งแต่ ก.ย.-พ.ย. ยกเว้นธ.ค.เดือนเดียวที่ขยายตัวหลักเดียว” ส่วนการติดตามผลกระทบจากสงครามการค้า พบว่า มีผลกระทบบ้างแล้ว เช่น เหล็ก บางตัวที่โดนภาษี ลดลง 4.28% แต่ที่ไม่โดนภาษีส่งออกเพิ่ม 12% โซลาร์เซล ลด 79.52% อะลูมิเนียม และเครื่องซักผ้า แม้โดนภาษี ส่งออกยังเพิ่ม 52% และ 13.35% และผลกระทบทางอ้อม ไทยส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าขั้นกลางไปจีนลดลง แต่ก็ต้องไปดูเชิงลึกก่อนว่าเกิดจากอะไร ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.thaiquote.org/content/45141 https://www.thaiquote.org/content/45374