นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  และผู้บริหาร ฑูตพาณิชย์จากประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อหาช่องทางรักษาระดับการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมายเดิม 8% ในปี 2561  มูลค้า 255,565 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากการส่งออกช่วง  8 เดือนแรกของปีขยายตัว10% และต้องการผลักดันการส่งออกขยายตัว 8% ในปี 2562 มูลค่าส่งออก 276,011 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว และปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ หากขยายวงกว้างจะกระทบไปหลายประเทศ รวมทั้งไทย จึงต้องการให้ฑูตพาณิชย์ประเมินว่าสินค้ารายการใดได้รับผลกระทบบ้าง รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอาจกระทบต้นทุนผู้ประกอบการ

สำหรับตลาดสหรัฐ กำหนดเป้าหมายส่งออกขยายตัว 7% จากปัจจุบันขยาย 10.6% นับว่าพอใจ และในปีหน้าคาดว่าขยายตัว 6%  เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอำนาจซื้อสูง  จึงมุ่งพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส การนำนวัตกรรมท้องถิ่นสู่สากล การเจาะตลาดใหม่ ตลาดรองที่มีศักยภาพ เช่น ลาตินอเมริกา การส่งเสริมร้านอาหารไทย ผลักดันผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Young Gens & Startup เพื่อส่งเสริมแบรนด์ไทยออกสู่ตลาดโลก แม้เศรษฐกิจโลกชะลอแต่สหรัฐยังมีกำลังซื้อสูงมาก

ขณะที่ตลาดจีน ตั้งเป้าหมายส่งออกขยายตัว 10% ฮ่องกง 10% ในปี 2561 ส่วนปี 2562 ตั้งเป้าหมายส่งออกจีนขยายตัว 12% ฮ่องกง 12%  จากปัจจุบันการส่งออกไปจีนขยายตัว 6.3% มูลค่า 20,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ฮ่องกงเติบโต  6.9%  มูลค่า 8,309 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการให้กระทรวงพาณิชย์จับมือกับบีโอไอ จัดงานแสดงสินค้าและการลงทุนร่วมกัน และจัดงานบุกตลาดให้ถี่มากขึ้น เพื่อสำรวจดูว่าชาวจีนชอบบริโภคสินค้าไทยเพิ่มเติมอย่างไร ไม่ใช่เพียงข้าว ยาง พารา ทุเรียน เพราะสินค้าไทยหลายรายการยังเป็นที่ต้องการของคนจีน จึงให้ลงลึกเป็นรายสินค้า ในทุกมณฑล เพิ่มเจ้าหน้าที่ทั้งไทยและคนจีนมาช่วยงานให้เพียงพอ

ส่วนตลาดอาเซียน นับว่ามีสัดส่วนสูงถึง 27% ของการส่งออกรวมไปทั่วโลก  ปัจจุบันการส่งออกขยายตัว 17.7% มูลค่า 45,564 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ ด้านกลุ่ม CLMV มูลค่า 19,110 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ  ที่ประชุมมองว่า อาเซียนมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะคนมีรายได้ยังบริโภคสูงมากขึ้น สินค้าแบรนด์ไทยยังได้รับความนิยม จึงต้องหาทางส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยบุกตลาดอาเซียน ผ่านการส่งเสริมของธนาคาร เอ็กซิมแบงก์ เอสเอ็มอีแบงก์  อุดหนุนสินเชื่อ เพื่อขยายตลาดการค้า ผ่านการสร้างแบรนด์ ส่งเสริมภาพลักษ์สินค้าและบริการของไทย มุ่งบุกตลาดเชิงรุก ขอความร่วมมือให้ หอการค้า สภาอุตฯ ต้องร่วมกันทำตลาด ไม่ใช่แยกกันเดินทางทำตลาด ใช้โอกาสในการเป็นประธานอาเซียน จัดงานแสดงสินค้านานาชาติของไทย การส่งเสริมสินค้าใหม่ ซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่น สำหรับธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม สปา

สำหรับการบุกตลาดในเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย ปัจจุบันขยายตัว 20.8% มุลค่า 7,522 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีสัดส่วนะ 4.5% ของการส่งออกโดยรวม และตั้งเป้าหมายส่งออก 8% ทั้งในปี 2561 และปี 2562 ซึ่งนับว่าสินค้าไทยเป็นที่ยอมรับของอินเดีย บังคลาเทศ ในกลุ่มผู้มีรายได้สูง นิยมมาท่องเที่ยวเมืองไทย ซื้อสินค้าโอท็อบ สินค้าออร์กานิกไทย จัดงานแต่งงาน 

นายสมคิด ย้ำว่า สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาแนวโน้มราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น อาจกระทบต้นทุนผู้ประกอบการ โดยกระทรวงพลังงาน และปตท.พร้อมตรึงราคาน้ำมันไม่ให้สูงมากนัก จึงให้เรียกประชุมพาณิชย์จังหวัด ตรวจสอบดูแลไม่ให้ฉวยโอกากาสปรับเพิ่มราคาสินค้า

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หากต้องการให้ส่งออกขยายตัว 8% ในปี 2561 ในช่วงเวลาที่เหลือของปีต้องผลักดันการส่งออกให้ได้ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเดือน รวมถึงต้องใช้โอกาสจากปัญหาสงครามทางการค้า จีน สหรัฐ ประเมินช่องทางผลิตสินค้าที่ทั้งสองผลิตไม่ได้ นำมาทดแทนตลาดที่ต้องการอยู่ และเน้นการพัฒาไปสู่การค้า E-Commerce ให้มากขึ้น.