ส่องกล้องมองการเมือง 28 ตุลาคม 2561

by ThaiQuote, 28 ตุลาคม 2561

ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง , นายปลอดประสพ สุรัสวดี , นายเกรียง กัลป์ตินันท์ และ พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชชยชัย ยังคงเป็นตำแหน่ง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เช่นเดิม ส่วน นางลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ นางสาวอนุตมา อมรสิวัฒน์ , นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย   ทางด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ตนเองมาในฐานะสมาชิกพรรคที่ต้องเข้าร่วมเพื่อใช้สิทธิ์ในการออกคะแนนเสียง และยังไม่พร้อมรับตำแหน่งใดๆ ภายในพรรค   ขณะที่นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีตส.ส.ลพบุรีกล่าวถึงประเด็นการยุบพรรคว่าไม่ได้ทำง่ายๆ ต้องใช้เวลานาน แต่ก็อยากถามผู้มีอำนาจ หากยุบไปแล้วจะได้อะไร มีแต่คนจะศรัทธาพรรคเดิมมากขั้น แต่จะไปเพิ่มความเกลียดชังอีกฝ่าย ข้อหาในการยุบพรรค เมื่อดูแล้ว ไม่น่าไปถึงขั้นนั้น ตนและเพื่อนสมาชิก จะปักหลักสู้กับพรรคเพื่อไทยไปตลอด   ทางด้นนายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า เป็นเรื่องของนายพานทองแท้ และพรรคทษช.ไม่เกี่ยวกับพรรคพท. เพราะพรรคทษช.ไม่ใช่สาขาพรรคพท. และเชื่อว่าหากนายพานทองแท้ไปเป็นกรรมการบริหารพรรคดังกล่าวจะไม่ทำให้สมาชิกพท.เกิดความสับสน เพราะทุกคนมีสิทธิตัดสินใจร่วมทางการเมืองกับพรรคใดก็ได้   สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่ ได้ไปที่สภาแรงงานยานยนต์ (โรงหนังเก่า) จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน โดยไปจัดกิจกรรมรับสมัครสมาชิกพรรค พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ปีกแรงงานของพรรค โดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเริองกิจ หัวหน้าพรรค, นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรค, พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค, น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค รวมถึงนายสุนทร บุญยอด กรรมการบริหารพรรคเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน ร่วมกิจกรรม   นายธนาธร กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง อยากเรียกร้องให้ คสช.ปลดล็อกให้ทุกพรรคการเมืองจัดกิจกรรมรณรงค์ได้อย่างเสรี เช่นวันนี้ เป็นกิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่ปีกแรงงาน ยืนยันว่ากิจกรรมวันนี้คือการรับสมัครสมาชิกพรรคพร้อมทั้งเปิดตัวว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส. ปีกแรงงาน ไม่ใช่การหาเสียงแต่อย่างใด ทั้งนี้ กิจกรรมรับสมัคร ส.ส.ของพรรคทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เมื่อวันก่อน มีผู้สมัครแล้วกว่า 100 คน โดยยืนยันว่า ผู้สมัครทั้งหมดจะต้องมาจากการทำไพรมารีโหวตโดยสมาชิกทุกคนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ปัจจุบัน พรรคอนาคตใหม่มีศูนย์ประสานงานประจำจังหวัดที่เปิดทำการแล้วกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากหลังการก่อตั้งพรรคมาเพียง 6 เดือน   การเปิดตัวในครั้งนี้มีผู้สมัครส.ส.เครือข่ายแรงงานในสัดส่วนปาร์ตี้ลิสต์ 6 คน ได้แก่ วรรณวิภา ไม้สน เลขาธิการสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ กรรมการบริหารสหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งประเทศไทย นายสุเทพ อู่อ้น ประธานสหภาพแรงงานอีซูซุ และเลขาธิการสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ดร.ภูพาน สมาทา ประธานสหภาพแรงงานโตโยต้า นายสุรินทร์ คำสุข ประธานสหภาพแรงงานสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์แห่งประเทศไทย นายประมวล นาราอัสนีกร รองประธานสภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย และประธานสหภาพแรงงานชิ้นส่วนยานยนต์แห่งประเทศไทย และนายเซีย จำปาทอง ประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งทอ   นอกจากนี้ พรรคอนาคตใหม่ ยังจัดกิจกรรม “วิ่งสู่อนาคตใหม่ กับธนาธรและทีม” พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครไพรมารี ส.ส.กทม.และปริมณฑลร่วมวิ่งออกกำลังกายกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและพี่น้องประชาชน ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่6 สวนลุมพินี   ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชุมสมาชิกพรรคแสดงจุดยืนนโยบายวิสัยทัศน์ ว่า ได้เสนอแนวทางการเมืองสีขาวมุ่งเน้นปฏิรูปพรรคเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ด้วยกฎเหล็ก 5 ข้อ พร้อมกับนำเสนอนโยบายและวิสัยทัศน์ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ปี 2325 ดังนั้นจึงต้องปฏิรูปกรุงเทพด้วยวิสัยทัศน์กรุงเทพยุคใหม่ 2570 ตั้งเป้าหมายภายใน 10 ปีเป็นมหานครนานาชาติ โดยพัฒนาเมืองใน 5 มิติ คือ เมืองนานาชาติ, เมืองสร้างสรรค์, เมืองพัฒนายั่งยืน, เมืองดิจิตอล และเมืองสีเขียวเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับเมืองปริมณฑล และรูปแบบการบริหารจัดการ กทม.ต้องสัมพันธ์กัน โดยต้องมีความเป็นอิสระคล่องตัวมีอำนาจการปกครองตนเองมากขึ้น   ทางด้านโพลต่างๆ  ในวันนี้ผลปรากฎว่านิด้าโพลได้ถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) ควรทำงานการเมืองต่อหรือไม่ หลังการเลือกตั้งในปีหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.71 ระบุว่า ไม่ควรทำงานการเมืองต่อ เพราะ อยู่มานานแต่การบริหารงานต่าง ๆ ยังไม่ดีเท่าที่ควร เช่น การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน บ้านเมืองขาดความเป็นประชาธิปไตย มีการเอื้ออำนวยให้กับราชการด้วยกันเอง ขณะที่บางส่วนระบุว่า อยากเห็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ พัฒนาบ้านเมืองบ้าง รองลงมา ร้อยละ 48.73 ระบุว่า ควรทำงานการเมืองต่อ เพราะ การบริหารงานดี บ้านเมืองสงบสุข สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆได้ดี และร้อยละ 0.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ทางด้านสวนดุสิตโพลชี้ปชช.69% มีความเห็นว่าถ้าหากพรรคการเมืองมีความผิดจริงก็สามารถยุบพรรค เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู