จากกรณีเกิดเหตุการณ์ นายแพทย์ด้านสูตินารี ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศหญิงที่ไปรับการตรวจภายในที่คลิกนิคแห่งหนึ่งในจ.นครสวรรค์ กระทั่งผู้เสียหายได้ไปแจ้งความต่อตำรวจ ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ย. พ.ต.ท.บุญเชิด จันทร์มณี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครสวรรค์ ออกมาระบุว่า นายแพทย์คนหนึ่ง ประจำโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาข่มขืนคนไข้แล้ว เบื้องต้นตำรวจได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ อนาจาร และกระทำชำเรา แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น

ทางตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งจากทางโรงพยาบาลที่ส่งคนไข้ไปตรวจร่างกาย และหลักฐานจากทางผู้เสียหาย รวมถึงข้อมูลในไลน์ที่หมอแชทคุยกับคนไข้ เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี

จากคำให้การของสาวผู้เสียหาย อายุ 29 ปี ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา มีอาการปวดท้อง อย่างรุนแรง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่อาการปวดไม่หาย จึงไปรักษาที่คลินิกหมอคนดังกล่าวใน จ.นครสวรรค์ ซึ่งทางผู้เสียหาย ได้เปลี่ยนชุดเข้าห้องตรวจ นอนบนเตียงขาหยั่งให้ตรวจภายใน จากนั้นนายแพทย์คู่กรณีได้ล็อกประตูปิดไฟ ก่อนขออนุญาตคนไข้ ใช้นิ้วมือในการตรวจ

กระทั่ง นายแพทย์คนดังกล่าว บอกว่าจะสอนวิธีการ มีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้อง พร้อมโน้มตัวลงมาทับบนตัว และใช้ปากเป่าลมออกมาที่บริเวณซอกคอ ประมาณ 5 นาที พร้อมบอกให้จินตนาการว่ากำลังมีเพศสัมพันธ์ จึงเห็นว่าไม่ใช่การรักษาแล้วจากนั้นผู้เสียหายได้ผลัก 3 ครั้ง จนนายแพทย์ถอยไป

ต่อมาวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายกลับมารักษาที่คลินิกหมอคนดังกล่าวอีกครั้ง และถูกข่มขืนจนเสร็จกิจจึงลุกออกจากตัวผู้เสียหาย

ด้าน น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือทนายความของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า แพทย์คนดังกล่าวเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับตำรวจ ใน 2 ข้อหากระทำอนาจาร และกระทำชำเรา แต่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงินเป็นค่าปิดปาก

"จากตรวจสอบบัญชีที่โอนเงินมา ก็พบว่าเป็นบัญชีของอาจารย์หมอจริง แล้วก็มีสลิปยืนยันหลักฐานการโอนเงิน เงินก็ยังอยู่ครบ 3 แสนบาท ไม่ได้มีการถอนออกไปแต่อย่างใด นอกจากนี้ ก็ยังมีคลิปเสียงที่ผู้เสียหายได้ทำการอัดเอาไว้ขณะเจรจากับอาจารย์หมอ ซึ่งอาจารย์หมอก็เป็นคนยอมรับว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศจริง ส่วนรายละเอียดต่างๆ นั้นก็คงเตรียมไปต่อสู้กันในชั้นศาล แต่มีหลักฐานที่จะยืนยันเอาผิดอย่างแน่นอน

น.ส.ศรันยา กล่าวอีกว่า นายแพทย์คนดังกล่าวยังเคยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้กับคนไข้มาหลายรายแล้ว แต่ก็มีการจ่ายเงินยอมความกันไป นอกจากนี้ยังเคยพูดจาลวนลามกับนักศึกษาพยาบาล มาแล้วหลายราย จนเป็นที่รู้กัน จึงอยากให้ผู้หญิงเหล่านี้ลุกขึ้นมาต่อสู้

“ผู้เสียหายไม่ได้มีความสัมพันธ์กับหมอมาก่อน แล้วมาผิดใจกัน ซึ่งถ้ามีหลักฐานก็ให้เปิดมาเลย และที่เราไม่ยอมรับเงิน 3 แสน เพื่อจบเรื่อง เพราะมีคนที่โดนกระทำแบบนี้เยอะ แต่ไม่กล้าออกมาพูด” น.ส.ศรันยา ทนายผู้เสียหาย กล่าว

ขณะที่ น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ดาราสาวและประธานองค์กรทำดี กล่าวว่า ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นพบว่าเป็นเรื่องจริง และเชื่อว่าแพทยสภาคงจะไม่นิ่งเฉยกับเรื่องดังกล่าว ต้องไม่ปกป้องคนที่ทำให้วงการแพทย์เสื่อมเสีย