อนาคตใหม่ หวั่น พ.ร.บ.ไซเบอร์ ถูกใช้เป็นเครื่องมือช่วงเลือกตั้ง

by ThaiQuote, 24 พฤศจิกายน 2561

นายธนาธร ได้กล่าวถึงกิจกรรมของพรรค ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าได้มีกิจกรรมกรุงเทพขยับมา 5 ครั้งแล้ว โดยเริ่มต้นจากเยาวราช และเมื่อวานนี้เอง ที่อโศก ทุกที่ที่ไป มีเสียงตอบรับที่ดีอย่างเหลือเชื่อ มีคนรู้จักให้การต้อนรับ ให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก  แต่ทุกที่ที่ไป มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การค้าขายย่ำแย่มาก รายได้ลดลงเรื่อยๆ ทุกปีจนล่าสุด ยอดขายลงลดถึง 50%  คือยังมีคนเดินอยู่เต็มตลาด แต่เดินชมเฉยๆ ไม่ซื้อของ  พ่อค้าแม่ขายต่างก็พากันบอกว่าเอารัฐบาลนี้ออกไปที ทำยังไงก็ได้ ให้ได้เลือกตั้ง     ด้านน.ส.พรรณิการ์  ได้กล่าวถึงกรณีของร่างพรบ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งกำลังจะมีการประกาศใช้ ว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก เพราะคนเดี๋ยวนี้ใช้ internet กันทุกวัน สิ่งที่คนทุกคนทำในชีวิตประจำวัน อาจกลายเป็นสิ่งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงก็ได้   ซึ่งร่างพ.ร.บ. นี้ กำหนดไว้ว่า สามารถยึดทรัพย์สิน เอาคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเราไป ลบ หรือดูดข้อมูลเราไปได้เลย ถ้าเห็นว่าเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤต โดยไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาล   แต่ปัญหาก็คือ คำว่า "วิกฤต"  นี้ ไม่มีมาตรฐานวัดที่แน่นอนเลย ว่าต้องมีระดับมากน้อยแค่ไหน เนื้อหาเป็นอย่างไร  เป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการมากเกินไปในการจับ ค้น ขัง ยึด โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่แต่ละคน ย่อมไม่เท่ากัน ไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนเหมือนระบบการตรวจสอบโดยศาล จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่า พ.ร.บ. นี้ อาจถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของรัฐ ในการเล่นงาน เอาผิด จับขัง หรือทำลายข้อมูลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการเลือกตั้ง ใกล้เข้ามาถึง เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่รีบนำ พ.ร.บ. นี้ออกใช้ เป็นเพราะใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งๆ ที่เป็นร่างกฎหมายที่เสี่ยงต่อการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของบุคคล  และอาจถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในช่วงหาเสียงได้ ส่วนในกรณีของการใช้งบประมาณรัฐ 40,000 ล้านบาท เพื่อแจกเงินปีใหม่บัตรคนจน ของรัฐบาลคสช. นั้น  ทางพรรคอนาคตใหม่ มองว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควร และเต็มไปด้วยวาระซ่อนเร้นมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้งบของรัฐจำนวนมาก ในช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้งเช่นนี้  เพื่อเป็นการช่วยโปรโมทสร้างความนิยมให้กับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจของตนเอง   โดย น.ส. พรรณิการ์ กล่าวว่า"และไม่ว่า เราจะเรียกมันว่าอะไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม  เฮลิคอปเตอร์มันนี่ โปรยเงิน  ประชารัฐ  ประชานิยม  หรือ วิเศษนิยม แบบคุณวิษณุพูด  การใช้ภาษีของเรา มาแจกเงินให้เรา แล้วก็นำชื่อโครงการ ประชารัฐ ไปตั้งชื่อพรรคการเมือง ซึ่งก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า จะมีการเสนอชื่อ พล.อ. ประยุทธ  เป็นนายกรัฐมนตรี สืบทอดอำนาจ คสช.ต่อไป  และยังมี 4 รัฐมนตรี ไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่ต้องลาออกอีกด้วย"   และนายธนาธร ได้กล่าวย้ำในประเด็นนี้ว่า"ถ้าเราพ่ายแพ้ในครั้งนี้ คสช.จะอยู่ต่อไปได้อีกยาวมาก อย่างน้อย อาจจะอยู่เป็นรัฐบาลไปอีก 2 สมัย ตามที่ได้วางกลไกรองรับไว้แล้ว  และเราก็จะต้องอยู่ภายใต้เผด็จการทหาร ไปอีกนาน รวมแล้วก็เกือบครึ่งชีวิตของเรา พรรคอนาคตใหม่ ขอยืนยันในหลักการที่จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจนี้ให้ได้ และขอเชิญประชาชนทุกคนเข้ามาต่อต้านร่วมไปกับเรา แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า เราไม่เห็นด้วยกับรัฐสวัสดิการ พรรคอนาคตใหม่ เราต้องการให้คนรายได้น้อย เข้าให้ถึงสวัสดิการของรัฐ ให้มากที่สุด มีความเท่าเทียมกันที่สุด ลดความเหลื่อมล้ำให้ได้มากที่สุด เมื่อศักดิ์ศรีของมนุษย์เท่าเทียมกัน ชีวิตมีความมั่นคงมากขึ้น คนทุกคนจะถูกปลดปล่อยศักยภาพออกมาเต็มที่มากขึ้น แต่ทั้งนี้ เราก็จะต้องรักษาไว้ซึ่งวินัยทางการคลัง การใช้งบประมาณของรัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเราขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรที่เพียงพอในการสร้างสวัสดิการที่ดี เพื่อคนจน เพื่อให้คนไทยเท่ากันได้  เราจะต้องไม่ใช่รัฐผูกขาด  ต้องกระจายทรัพยากรออกไป  ด้วยแนวทางที่เราได้คิดวางไว้  เช่นการปรับโครงสร้างภาษีของประเทศ การปรับลดงบประมาณของทหารลง  ซึ่งทางพรรคของเราได้เตรียมที่จะเปิดนโยบายต่างๆ เหล่านี้ อย่างเป็นรูปธรรม ในวันที่ 16 ธันวาคม นี้"   "เราเชื่อว่า ชีวิตทุกคนต้องเท่าเทียมกัน คนที่เกิดในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ยากลำบาก มีหนี้สิน แต่เขาก็ควรได้เริ่มต้นชีวิต ที่เท่ากันกับคนอื่น ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเล่าเรียน ไม่ใช่ เมื่อเรียนจบก็ต้องจบมาพร้อมหนี้สิน เริ่มต้นชีวิตที่มีหนี้สินทันที 2 แสนกว่าบาท  คุณภาพชีวิตของทุกคน ต้องเท่าเทียมกัน  ไม่ว่าจะเป็น คนจน หรือ คนรวย”