คลังชวนคนชรารวยสละเบี้ยยังชีพ เพื่อผู้มีรายได้น้อยรับเพิ่มเป็น 1,000 บาท

by ThaiQuote, 14 มกราคม 2562

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า  หลังจากได้ฝึกอบรมผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ในกลุ่มอยู่ใต้เส้นความยากจนสำหรับกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปีจำนวน  2 ล้านราย สัดส่วนร้อยละ 50 มีรายได้เพิ่มพ้นจากเส้นความยากจนหรือ ประมาณ 1 ล้านคน  จึงเตรียมขยายต่อเนื่อง เพราะได้หมดเขตไปแล้วในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายออกไปประมาณ 6 เดือน ถึงเดือนมิถุนายน 62 ซึ่งเป็นช่วงรัฐบาลใหม่เข้าบริหารประเทศ เพื่ออบรมต่อเนื่องในการเสริมความรู้ให้กับชาวบ้าน  ใครยังไม่เข้ามาอบรมให้สมัครเข้ามา ส่วนผู้อบรมไปแล้วอบรมต่อเนื่องไปอีก โดยได้รับเงินค่าอบรมจ่ายไปเท่าเดิม 100 และ 200 บาทต่อรายต่อเดือน  ใช้เงินประมาณ 3,000 ต่อเดือน นอกเหนือจากนั้นให้รอรัฐบาลใหม่พิจารณาสานต่ออย่างไรบ้าง เพราะผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์  เนื่องจากชาวบ้านเพียงแค่มีรายได้พ้น 3 หมื่นบาทต่อปี แต่ยังไม่พ้นกำหนด 1 แสนบาทต่อปี เพื่อช่วยเหลือรายย่อย ขณะที่ผู้ผ่านการอบรมพัฒนาอาชีพ มีรายได้พ้น 1 แสนบาทต่อปี ได้สำรวจรอบแรกประมาณ 1 แสนคน ดังนั้นจึงต้องเช็คตัวเลขให้ชัดเจนอีกครั้ง นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการดูแลผู้สูงอายุ 7-8 ล้านคน มาลงทะเบียนบัตรสวัสดิการ 3 ล้านคน  ในช่วงปลายเดือนมกราคม 62 กระทรวงคลัง เดินหน้าผลักดันการสละสิทธิ์เบี้ยยังชีพคนชรา เพื่อให้คนชราแต่รายได้สูงยอมสละสิทธิ์ในการรับเบี้ยยังชีพ เพื่อนำไปช่วยเหลือคนชรามีรายได้น้อย เพราะยอดเงิน 600 บาทต่อเดือนอาจไม่เพียงพอ เพื่อกองทุนชราภาพมียอดเงินสูงขึ้นจากการสละสิทธิ์ อาจทำให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินเพิ่มจาก 600 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน จึงได้ปรับแผนใหม่ด้วยการประสานกับสมาคมธนาคารไทย จัดแคมเปญ ประชาสัมพันธ์ผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง โฆษณาผ่านตู้เอทีเอ็ม เพื่อช่วยกันชักชวนผู้มีรายได้สูง สละสิทธิ์ เริ่มในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 62 ในช่วง 2 เดือนนี้ กระทรวงคลังพร้อมแจกเหรียญพระคลัง ให้กับผู้สละสิทธิ์   และหากจำเป็นต้องใช้เงินกลับมาแจ้งรับเงินได้ ยอมรับว่าเมื่อได้รับรู้ข้อมูลรายย่อย จะรู้ว่าต้องช่วยเหลือใครได้ตรงจุด โดยไม่ต้องหว่านทั้งหมด เพราะมีงบประมาณจำกัด  และยังทำให้ชาวบ้านรู้จักใช้บัตรซื้อของโดยไม่ต้องใช้เงินสด  เมื่อเขาเริ่มช่วยตัวเองได้ ชาวบ้านก็พอใจ ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนและฟื้นฟูประเทศให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวตามศักยภาพได้ดีประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จึงมั่นใจในปี 62 จีดีพีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 สอดคล้องกับหลายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งแม้รัฐบาลจะเดินหน้าใช้งบประมาณลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ยังยึดมั่นวินัยการเงิน การคลัง ค่อนข้างสูง หลายประเทศจึงชมเชยประเทศไทยที่สร้างฐานะการคลังดีที่สุดในตลาดประเทศเกิดใหม่ ถือว่าเป็นระดับน่าพอใจ ในการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ได้มุ่งปรับภาษีที่ดินฯ ภาษีออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ แต่ไม่ได้เพิ่มอัตราสูงขึ้น ให้เป็นภาระกับประชาชนและรายย่อย   ข่าวอื่นที่น่าสนใจ กรุงเทพฯ ติดอันดับ 9 เมืองอากาศเลวร้าย