กกต.เตือน ผู้สมัคร ส.ส. กดไลก์-แชร์ใส่ร้ายเสี่ยงใบแดง

by ThaiQuote, 16 มกราคม 2562

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งว่า ขณะนี้กกต.ยังรอการประกาศพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีเมื่อไร ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ประสานมา มีเพียงการประสานถึงงานพระราชพิธีว่าจะมีในวันใดบ้าง ในส่วนของกกต.ได้พูดคุยกันว่าจะจัดการเลือกตั้งและประกาศผลภายใน 150 วัน นับแต่พรป.เลือกตั้งส.ส.ใช้บังคับ หรือภายใน 9 พ.ค.  หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. 62 ระยะเวลาการพิจารณาประกาศผลก่อนวันที่ 9 พ.ค. รวม 45 วัน ก็น่าเชื่อว่า กกต.สามารถทำได้ แม้ว่าระยะเวลาดังกล่าวค่อนข้างจะบีบและกฎหมายยังกำหนดให้กกต.ต้องรับฟังความเห็นของผู้ตรวจการเลือกตั้ง ว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตหรือไม่ด้วย

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า   กรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งส.ส.และประกาศกกต. จำนวน 9 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการรหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการเลือกตั้ง โดยระเบียบดังกล่าวจะใช้บังคับเมื่อ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้การออกระเบียบดังกล่าว กกต.คำนึงถึงการที่กฎหมายกำหนดให้การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน  อีกทั้งให้รัฐสนับสนุนการหาเสียงให้พรรคการเมือง จึงทำให้กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายแบบแบ่งเขตไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และแบบบัญชีรายชื่อไม่เกิน 35 ล้านบาท

         

สำหรับรายละเอียดของวิธีหาเสียงที่น่าสนใจ คือ  ในเรื่องโซเชียลมีเดีย  กำหนดให้ผู้สมัครหาเสียงได้ทั้งในเฟซบุ๊ก ไลน์ และแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยคิดเป็นค่าใช้จ่าย  ซึ่งผู้สมัครต้องแจ้งต่อกกต.ก่อนการหาเสียง เพื่อป้องกันการแอบอ้าง อวตาร หรือการสวมรอยสวมชื่อเฟซบุ๊กแล้วนำไปใช้หาเสียงโจมตีผู้อื่น หากกกต.ตรวจสอบพบจะแจ้งไปยังผู้สมัครให้ลบทิ้ง  ถ้าไม่ลบกกต.จะดำเนินการเอง กรณีหาตัวไม่ได้ก็ลบออกจากโซเชียลมีเดียเช่นกัน เพราะกรณีเช่นนี้ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งทำให้เสียหาย

          

ทั้งนี้ ประเด็นโซเชียลมีเดีย ประธานกกต. ให้ความสำคัญมากและจะลงมาดูแลเอง  โดยสำนักงานกกต.จะตั้งวอร์รูมเพื่อตรวจสอบ และทำความตกลงกับเจ้าของเวปไซต์ เวปเพจ เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูป ฯ เมื่อพบมีการโพสต์ข้อความไม่ถูกต้อง ใส่ร้ายป้ายสีจะประสานให้ผู้โพสต์ลบทิ้ง หากไม่ลบจะประสานให้กระทรวงดิจิตอลฯดำเนินการ  กรณีเป็นการโพสต์มาจากต่างประเทศจะประสานตัวแทนในประเทศไทยให้ลบ หากเป็นเวปใต้ดินหาที่มาไม่ได้ก็จะลบเลยทันที 

"ขอเตือนไปยังผู้สมัครให้ระวังการกดแชร์ กดไลก์ กองเชียร์ กองแช่งมีเยอะ เพราะถ้าเป็นการกดแชร์หรือไลก์ข้อความใส่ร้าย นอกจะผิดอาญาข้อหาหมิ่นประมาทแล้ว ยังจะมีความพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษถึงใบแดงได้"พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี อนายทักษิณ ชินวัตร จะจัดรายการ “กู๊ดมันเดย์” ซึ่งอาจมีเนื้อหาช่วยหาเสียงให้กับบางพรรคสามารถทำได้หรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ หลีกเลี่ยงที่จะตอบโดยอ้างว่า ถ้าเป็นเรื่องของการกระทำว่าอย่างนี้แล้วผิดหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับการตีความจะให้มาตอบในขณะนี้คงไม่ได้ ยกเว้นเป็นคดีขึ้นมาเราก็จะไปตรวจสอบ

ส่วนประเด็น  การติดป้ายประกาศหาเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครสามารถจัดทำป้ายขนาดเอ 3 จำนวนไม่เกิน 10 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง หรือประมาณ 270 แผ่นต่อเขตเลือกตั้ง  ส่วนป้ายขนาด 130 X 245 ซม. ติดได้ไม่เกิน 2 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง หรือ 540 แผ่นต่อเขตเลือกตั้ง ซึ่งป้ายทั้ง 2 แบบดังกล่าวจะติดได้ในสถานที่  ที่ผอ.กกต.เขต กำหนดเท่านั้น ขณะที่แผ่นป้ายหาเสียง ขนาด 400 X 750 ซม. ติดได้ที่หน้าที่ทำการพรรคหรือสาขาพรรค เขตเลือกตั้งละ 1 ป้าย และขอให้พึงระวัง อย่าพิมพ์หรือติดป้ายเกินเพราะอาจถูกคู่แข่งไปแจ้งความ เนื่องจากมีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับป้ายติดรถหาเสียง และเวทีหาเสียงจะถูกควบคุมด้วยค่าใช้จ่าย เนื้อหาและรูปภาพในป้ายหาเสียง เช่น คำขวัญ นโยบาย รูปของผู้สมัคร กรรมการบริหารพรรค และผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ หัวหน้าและสมาชิกพรรคเท่านั้น  ส่วนใบปลิวและวีดิทัศน์ห้ามโปรยห้ามวาง ต้องแจกกับมือผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น  ส่วนผู้ช่วยหาเสียงหรือคนเดินแจกใบปลิว ตามระเบียบฯให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขต  มีผู้ช่วยหาเสียงได้ไม่เกิน 20 คน พรรคการเมืองละไม่เกิน 10 เท่าของเขตเลือกตั้งที่ส่งผู้สมัคร อนุญาตให้เปลี่ยนได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ใน 3 เพราะผู้ช่วยหาเสียงต้องรับค่าแรง กฎหมายจึงต้องป้องกันการเอาเงินค่าซื้อเสียงไปแบ่งให้ผู้ช่วยหาเสียง และป้องกันคนที่มีทุนเยอะ มีเงินจ้างผู้ช่วยหาเสียงได้มาก

          

ในส่วนของการหาเสียงทางวิทยุ และโทรทัศน์ ผู้สมัครจะพรรคดำเนินการเองไม่ได้ กกต.จะจัดสรรเวลาออกอากาศให้ พรรคละไม่เกิน 10 นาที การดีเบตประชันนโยบายของพรรคการเมือง มีการจัดเป็นกลุ่มพรรคการเมือง 3 กลุ่ม

กลุ่มแรกเป็นพรรคที่ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 300-350 เขต กลุ่มที่ 2 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 200-299 เขต และกลุ่มที่ 3 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 199 เขตลงมา ซึ่งในส่วนของสถาบันการศึกษาหรือองค์กรวิชาชีพต่าง ๆ ก็สามารถจัดดีเบตได้ แต่ต้องยึดหลักความเท่าเทียมกันดังกล่าว

          

เมื่อถามถึงกรณีบางพรรคการเมืองมีเครือข่ายเป็นเจ้าของสื่อโทรทัศน์และให้น้ำหนักนำเสนอข่าวให้กับบางพรรคจะทำอย่างไร พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า หากมีการร้องเข้ามากกต.ต้องไปตรวจสอบ สำหรับเจ้าของสื่อกฎหมายเขียนห้ามไว้แล้ว การนำเสนอข่าวต้องเท่าเทียมกันทุกพรรคการเมือง ทำข่าวได้ แต่ใช้หาเสียงไม่ได้

         

ส่วนลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง  ห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองใช้ผู้ประกอบอาชีพ เจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน สื่อโฆษณา เอื้อประโยชน์ในการหาเสียงให้กับตน เว้นแต่ถ้าบุคคลนั้นเป็นผู้สมัคร  สามารถใช้ความรู้ความสามารถทางศิลปะของตนเองในการหาเสียงได้ แต่ต้องไม่ใช้อุปกรณ์ในการแสดง  กรณีการช่วยซองงานบุญ งานบวช หรืองานศพ แม้จะเป็นงานตามประเพณีนิยมหรือเป็นจารีตประเพณีปกติ ก็ไม่สามารถทำได้  แม้แต่การวางพวงหรีดดอกไม้ ก็ทำไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์สินที่ตีเป็นมูลค่าได้ อาจเข้าลักษณะหาเสียง และเป็นพฤติการณ์ที่สุ่มเสี่ยง

ทั้งนี้ในเรื่องของการขอใช้สถานที่ราชการในการหาเสียงของพรรคการเมือง  สามารถทำได้ แต่เจ้าของสถานที่ก็ต้องให้ทุกพรรคสามารถใช้สถานที่ได้อย่างเท่าเทียม  และเจ้าของสถานที่ยังต้องวางตัวเป็นกลาง  มีจิตสำนึกว่าตัวเองเป็นข้าราชการ  ไม่สามารถไปเดินช่วยแจกใบปลิวหรือขึ้นเวทีหาเสียง

นอกจากนนี้่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงการยกร่างคำร้อง 4 รัฐมนตรีถือครองหุ้นสัมปทานรัฐ  ขัดรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งยกร่างคำร้อง อย่างช้าไม่น่าเกินสัปดาห์หน้าจะเสนอให้ประธานกกต.พิจารณาลงนามได้