นำไม้จิกจำนวน 136 ท่อน เป็นฐานถวายเพลิง “หลวงพ่อคูณ”

by ThaiQuote, 30 มกราคม 2562

เผยขั้นตอนการถวายเพลิงในพิธีพระราชทานเพลิงครูใหญ่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธในวันนี้ (29 ม.ค.62)ยึดตามขนบประเพณีโบราณเพื่อให้สมเกียรติในฐานะพระเถระผู้ใหญ่

รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) เปิดเผยว่าในการถวายเพลิงในพิธีพระราชทานเพลิงครูใหญ่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธในวันนี้ แต่ละขั้นตอนยึดตามขนบประเพณีโบราณเพื่อให้สมเกียรติในฐานะพระเถระผู้ใหญ่ที่ประชาชนนับถือศรัทธา โดยสร้างเตาก่ออิฐทนไฟสีทองไว้ในตัวนกหัสดีลิงค์เทินบุษบก มีประตูปิด-เปิดเพื่อนำหีบที่บรรจุสรีระสังขารครูใหญ่หลวงพ่อคูณเข้าไปวางข้างใน เตาก่ออิฐสีทองจะมีกุญแจล็อคประตูจำนวน 4 ตัว

 

โดยฐานรองหีบบรรจุสรีระสังขารฯจะวางเรียงด้วยท่อนไม้จิกจำนวน 136 ท่อน แต่ละท่อนมีขนาดเท่ากันคือ กว้าง 3 นิ้ว ยาว 95 เซนติเมตร ไม้จิกเป็นไม้มงคลที่มีความเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ให้ความร้อนสูง เจริญเติบโตได้ดีในป่าเบญจพรรณหาได้ง่ายในพื้นที่ภาคอีสาน ไม้จิกที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงถวายเพลิงสรีระสังขารหลวงพ่อคูณครั้งนี้ได้มาจากศิษยานุศิษย์จัดหามาให้

 

สำหรับ “ต้นจิก”หรือต้นจิกมุจลินท์ ในพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า หลังจากพระพุทธองค์ตรัสรู้ ทรงประทับอยู่ใต้ต้นนิโครธ 7 วัน แล้วเสด็จไปประทับใต้ต้นจิกอีก 7 วัน ในขณะที่ประทับใต้ต้นจิกนี้ มีฝนตกอยู่ไม่ขาดสาย อากาศหนาวจัดมาก มีพญานาคชื่อ “พญามุจลินท” เห็นพระพุทธองค์แล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เกรงว่าพระพุทธองค์จะลำบากและทรมาน จึงขดล้อมพระวรกายของพระพุทธเจ้าไว้ 7 รอบ และแผ่พังพานปกคลุมพระเศียร ดูคล้ายเป็นเศวตฉัตรช่วยกันฝนและช่วยให้บริเวณนั้นอบอุ่นขึ้น

 

รศ.ดร.นิยม อธิบายว่า กระบวนการเผายึดตามแบบโบราณประเพณี ไม้จิกที่วางอยู่ข้างล่างหีบบรรจุสรีระสังขารนั้นจะลุกไหม้เร็วและร้องแรงมาก คาดว่าใช้เวลาราว 30 นาทีสรีระสีขารหลวงพ่อน่าจะเป็นผุยผง แต่เราจะไม่เปิดเตาก่ออิฐจนกว่าจะถึงรุ่งเช้าถึงจะเปิดเพื่อทำพิธีเก็บเถ้าอัฐิ ซึ่งประตูเตาก่ออิฐสีทอง ช่างได้ทำรอยฉลุรูปหลวงพ่อคูณนั่งยองๆไว้เพื่อระบายความร้อน และบอกอีกว่า ด้านใต้ของหีบบรรจุสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณนั้นจะมีถาดทนไฟรองอยู่อีกชั้นหนึ่งเพื่อรองรับอัฐิและเถ้าที่เหลือจากการเผาไหม้ ทำให้ง่ายต่อการทำพิธีจัดเก็บ ขณะที่เตาก่ออิฐสีทองนั้นจะถูกล็อค ต้องใช้กุญแจ 4 ดอกในการเปิดตอนจะเข้าไปเก็บเถ้าอัฐิ เพื่อไม่ให้เถ้าอัฐิเล็ดลอดหายไปได้

นอกจากนี้ การถวายเพลิงในพิธีพระราชทานเพลิงครูใหญ่หลวงพ่อคูณ จะใช้วิธีการจุดไฟลูกหนูให้วิ่งผ่านชนวนเข้าไปยังภายในตัวนกหัสดีลิงค์ โดยใช้ลูกหนูจำนวน 5 ลูกผู้จุดไฟลูกหนูมี 5 ท่านที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการจัดพระราชพิธีถวายเพลิงฯ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา,ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น, คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.ดร.นิยม กล่าวต่ออีกว่า หลังจากการถวายเพลิงในลำดับขั้นตอนต่างๆแล้วเสร็จ นกหัสดีลิงค์ฯก็จะเผาไหม้ไปพร้อมกับสรีระสังขารของหลวงพ่อ โดยคณะทำงานนั้นไม่สามารถคาดการณ์ว่าเพลิงจะลุกไหม้มากน้อยเท่าใด ดังนั้นในช่วงของการเคลียร์พื้นที่จึงจำเป็นจะต้องกันประชาชนออกนอกฌาปนสถานฯแห่งนี้ออกให้ไกลที่สุด เพื่อให้ไฟได้ลุกไหม้ไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อเพลิงสงบลงแล้ว คณะทำงานจากคณะแพทยศาสตร์จะทำการล็อคกุญแจโลงบรรจุอัฐิของหลวงพ่อ เพื่อนำไปลอยอังคารที่ จ.หนองคายทันที ซึ่งเมื่อขบวนเชิญอัฐิของหลวงพ่อออกจากฌานสถานไปแล้ว มข.จะทำการนำโรงเรือนตระแกรงขนาดใหญ่มาวางครอบจุดถวายเพลิงไว้อย่างแน่นหนา โดยมีเจ้าหน้าที่ รปภ.ประจำตลอดทั้ง24 ชม.เพื่อห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในบริเวณเด็ดขาด

ทางด้านความเคลื่อนไหวของประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา (โคราช) นับตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมา ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ที่ศิษยานุศิษย์ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาจำนวนมากได้เดินทางออกจากจังหวัดนครราชสีมา ไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ณ ฌาปนสถานเมรุชั่วคราววัดหนองแวง (พระอารามหลวง) จังหวัดขอนแก่น โดยประชาชนได้เดินทางโดยขึ้นรถบัสโดยสารที่ทางจังหวัดนครราชสีมาได้จัดเตรียมไว้ให้บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา และบางส่วนได้เดินทางส่วนตัวโดยเช่าเหมารถเอง

 

ขณะที่ทางสถานีรถไฟนครราชสีมา ได้จัดเตรียมขบวนรถไฟไว้จำนวน 3 ขบวน และเพิ่มจำนวนโบกี้ เพื่อบริการประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมในพิธีดังกล่าว โดยขบวนรถไฟทั้ง 3 ขบวนประกอบด้วย ขบวนรถไฟที่ 415 ใช้หัวรถจักรใหญ่ ลากจำนวน 7 โบกี้( เพิ่ม 3 โบกี้) เต็มทุกโบกี้ ออกเดินทางจากสถานีรถไฟนครราชสีมา เวลา 06.20 น. ถึงสถานีขอนแก่นเวลา 10.00 น. , ขบวนรถไฟที่ 431 ดีเซลราง จำนวน 4 โบกี้ ออกจากนครราชสีมาเวลา 08.00 น. ถึงขอนแก่นเวลา 12.00 น. และขบวนรถไฟที่ 416 ดีเซลราง จำนวน 4 โบกี้ ออกจากนครราชสีมาเวลา 16.00 น. ถึงขอนแก่นเวลา 19.00 น.