จากกรณีที่โซเชียลมีเดียได้มีการแชร์ชายคนหนึ่งขับรถบนทางเท้าพร้อมบีบแตรบริเวณป้ายรถประจำทางฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ บนถนนหลานหลวง แล้วมีคนใสเสื้อสีฟ้าทักว่าขี่บนทางเท้าไม่ได้บีบแตรทำไม แล้วหลังจากนั้นชายขี่รถจักรยานยนต์คนคันดังกล่าวก็ขี่ย้อนกลับมาชนชายเสื้อสีฟ้าท่ามกลางความงุนงงของคนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว จนมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ประเสริฐ แซ่อึ้ง" ได้โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมระบุข้อความว่า "พอบอกว่าขี่บนทางเท้าไม่ได้นะครับ ขี่ย้อนกลับมาชนเลย ครับ ขี่บนทางเท้า บอกว่าบีบแตรทำไม ขี่ย้อนกลับมาชนเลย ครับ น้องชายเพื่อนครับ ไม่มีรายละเอียดครับ"
ภายหลังเกิดเหตุและมีการแชร์คลิปในโลกโซเชียลนั้น นายศศะวสุ ช่ำชองยนต์ 55 ปี ชายในคลิปเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บริเวณป้ายรถประจำทาง สำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งหลังเกิดเหตุตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณสะโพกด้านซ้าย และสาเหตุของเรื่องนั้นคาดว่าคนขี่จักรยานยนต์ไม่พอใจที่ตนหันไปต่อว่า (นี่มันทางเท้า บีบแตรได้ยังไง) "ยืนยันว่าพูดปกติไม่ได้มีอารมณ์โมโหแต่อย่างใด ก่อนที่อีกสักพักคู่กรณีจะขี่รถกลับมาชนเข้าอย่างจัง และไม่ได้พูดไม่จาพร้อมขี่หนีไป"

ล่าสุด นายศศะวสุ เปิดเผยอีกว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้แจ้งว่าเจอตัวผู้ก่อเหตุแล้วพร้อมนัดหมายให้มาพูดคุยในวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งคู่กรณีได้เสนอเงิน 5 พันบาทเพื่อจบเรื่อง แต่ตนไม่ยินยอมเพราะมองว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาที่จะทำให้ตนบาดเจ็บหรืออาจเสียชีวิตได้ แต่ตำรวจก็พยายามพูดไกล่เกลี่ยให้ตนยอมรับว่าถ้าเรื่องไปถึงศาลตนอาจได้ไม่ถึง 5 พันบาท ทำให้ตนข้องใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เหมือนว่าพยายามช่วยให้คู่กรณีจบเรื่อง ทำให้ตนรู้สึกว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงอาจไปร้องศูนย์ดำรงธรรม
ทางด้าน พ.ต.อ.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผกก.สน.นางเลิ้ง เปิดเผยว่า ทางตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพวงจรปิดจนพบป้ายทะเบียนรถของผู้ก่อเหตุจนสามารถติดตามตัวได้ โดยพนักงานสอบสวนได้นัดหมายทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งผู้ก่อเหตุยอมรับว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากโมโหที่ถูกต่อว่าส่วนสาเหตุที่ขี่บนทางเท้าเพราะไม่อยากไปกลับรถไกล เบื้องต้นผู้ก่อเหตุยินยอมมอบเงิน 5 พันบาทให้เป็นค่าสินไหมทดแทน และพร้อมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าทรัพย์สินอื่น ๆ
แต่ทางนายศศะวสุยืนยันว่าจะดำเนินคดีต่อ ซึ่งจากนี้พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐาน รวมทั้งรอผลการตรวจอาการบาดเจ็บขากแพทย์เพื่อแจ้งข้อหากับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นคาดว่าจะแจ้ง 2 ข้อหาคือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และ ขับขี่บนทางเท้า โดยยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย