สำหรับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของกรมทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้การกำกับดูแลของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  ได้ทำการปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน  เพื่อเป็นการรองรับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Thailand 4.0  ซึ่งมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการผลิตที่ใช้ต้นทุนต่ำ เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสินค้าและบริการให้มีศักยภาพในการแข่งขัน หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็น “การสร้างมูลค่าเพิ่ม” จากสินค้าที่มีอยู่แล้ว ให้มีคุณภาพและตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคในระดับที่เป็นสากลมากขึ้นนั่นเอง 

    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำหรับแผนการปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญานั้น กระทรวงพาณิชย์ได้วางแนวทางการพัฒนาไว้ให้ครอบคลุมใน 6 เรื่องสำคัญด้วยกัน คือ 1.ด้านการสร้างสรรค์ 2. ด้านการคุ้มครอง 3.ด้านการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ 4.ด้านการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา 5.ด้านทรัพย์สินทางปัญญาของชุมชน และของประเทศไทย โดยเฉพาะสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Geographical Indication) และ 6.ด้านทรัพยากรพันธุกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงออกทางวัฒนธรรม

   ทั้งนี้ตนได้มอบนโยบายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ดำเนินการตามแผนการปฏิรูปทั้ง 6 ด้านดังกล่าว คือ 

   1.การสร้างสร้างสรรค์ ขณะนี้กรมทรัพย์สินฯ ได้จัดตั้ง “ศูนย์ IPID Center” เป็นศูนย์ให้คำปรึกษาและแนะนำผู้ประกอบการด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการเข้าถึงฐานข้อมูลสิทธิบัตร ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสรรค์งานนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเข้าสู่ระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาได้ โดยจะเริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์นี้

   2.การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จะเกี่ยวข้องกับ การเร่งรัดการจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้สะดวก รวดเร็ว และเป็นมาตรฐานสากล ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ

   3.การนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการนำผลงานวิจัยมาต่อยอด การจับคู่ทางธุรกิจระหว่างเจ้าของผลงานและผู้ประกอบการ การประเมินมูลค่าของทรัพย์สินทางปัญญา และ การพัฒนาเว็บไซต์ตลาดกลางทรัพย์สินทางปัญญา “IP Mark” เพื่อเป็นแหล่งเสนอซื้อ-ขาย ด้านทรัพย์สินทางปัญญา

  4.การบังคับให้กฎหมาย ซึ่งเป็นนโยบายที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกันหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ สำนักตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และดีเอสไอ ฯลฯ โดยทำ การบูรณาการการปราบปรามการละเมิดอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม เช่น รณรงค์ให้ความรู้ ป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดฯ ปราบปรามการละเมิดในท้องตลาด และบนอินเตอร์เน็ต ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการบังคับใช้กฎหมายให้กับเจ้าหน้าที่

  5.ด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI โดยการเร่งดำเนินการขึ้นทะเบียน GI ของประเทศไทยให้ครบในทุกจังหวัด ซึ่งได้ กำหนดเป้าหมายให้ 1 จังหวัดจะต้องมีสินค้า GI อย่างน้อย 1 ชนิด ภายในปี 2560 ส่งเสริมการรับรองมาตรฐานและรักษาคุณภาพของสินค้า GI เพื่อยกระดับสินค้าและสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น การดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าที่ขึ้นทะเบียนแล้ว โดยปัจจุบันมีสินค้าGI ที่ขึ้นทะเบียน 75 ชนิดสินค้าจาก 53 จังหวัด เพื่อการวางแผนการตลาด พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และเชื่อมโยงพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสินค้า GI ที่สำคัญ 

  6. การส่งเสริมรากเหง้าของวัฒนธรรม ก็คือ ทรัพยากรทางพันธุกรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น และการแสดงออกทางวัฒนธรรมดั่งเดิม โดยสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมฐานข้อมูลให้เป็นมาตรฐานและเป็นฐานข้อมูลในการเชื่อมต่อฐานข้อมูลกลางระดับชาติที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้จริง เพื่อให้มีการขออนุญาตใช้ การเปิดเผยแหล่งที่มา แบ่งปันผลประโยชน์ของประเทศ และชุมชนผู้เป็นเจ้าของภูมิปัญญานั้น

   สุดท้ายการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวจะเป็นไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับ “การสร้างจิตสำนึก” ในตัวของคนไทยเอง ทั้งเรื่องของค่านิยม การสนับสนุนสินค้าที่เป็นแบรนด์คนไทย เช่นกันในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็จะต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงต่อความต้องการ มีความทันสมัย ยกระดับสินค้าในทัดเทียมกับระดับสากล เหล่านี้จึงจะสามารถช่วยแก้ปมปัญหาดังกล่าวได้

p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 11.0px Helvetica; -webkit-text-stroke: #000000} p.p2 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 11.0px Helvetica; -webkit-text-stroke: #000000; min-height: 13.0px} span.s1 {font-kerning: none}