สธ.เตรียมแทงเรื่อง "ยาเลิกบุหรี่" เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ "หมอปิยะสกล" ชี้คุ้มค่ากว่ามานั่งรักษาคนป่วยเพราะบุหรี่ แต่ยอมรับระดับจังหวัดยังคุมยาสูบได้ยาก หวั่นสิงห์อมควันหน้าใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ

วันที่ 6 มิถุนายน 2562 - นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 3/2562 ว่า จะเร่งผลักดันเรื่องการบรรจุให้ยาเลิกบุหรี่ เข้าไปอยู่ในกลุ่มบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งการกระจายยาให้กับคนไข้นั้น จะต้องผ่านการคัดกรองและมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนก่อนรับยา ซึ่งจะช่วยผู้สูบบุหรี่ที่มีพฤติกรรมสูบหนัก เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ 20 มวน/วัน หรือต้องสูบภายในเวลา 30 นาทีหลังตื่นนอน หรือต้องลุกไปสูบบุหรี่ระหว่างทำงานหรือมีการประชุม เป็นต้น

"การให้ยาจะต้องผ่านการพูดคุยกับแพทย์ก่อน แต่ทั้งนี้เชื่อว่าการให้ยาเลิกบุหรี่จะคุ้มกว่าการรักษาผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่" นพ.ปิยะสกล กล่าว

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ยอมรับว่าการวคบุมยาสูบในระดับจังหวัดยังเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็มีบางจังหวัดที่ทำสำเร็จและนำมาเป็นแบบอย่างได้ คือ สงขลา สกลนคร อุดรธานี และเชียงราย อย่างไรก็ตาม การควบคุมยาสูบจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อป้องกันนักสูบหน้าใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลง

ด้านนพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า เกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับยาเลิกบุหรี่ มีดังนี้

1.ต้องเป็นผู้ที่ตื่นนอนแล้วสูบบุหรี่ทันทีภายใน 30 นาทีแรก

2.แม้ป่วยเป็นไข้หวัดแต่ก็ยังสูบบุหรี่

3.แม้ทำงานอยู่ในห้องประชุมก็ต้องออกมาสูบบุหรี่

4.มีอัตราการสูบบุหรี่มากกว่า 20 มวนต่อวัน ซึ่งปัจจุบันพบอัตราการสูบบุหรี่ของคนกลุ่มนี้มีถึง 2 ล้านคน

ทั้งนี้ การควบคุมยาสูบจะต้องดึงภาคีเครือข่ายในแต่ละพื้นที่มาร่วมทำงานกัน ทั้งการช่วยกันให้ถานศึกษาปลอดบุหรี่ ชุมชนต้นแบบในการดำเนินงานเลิกบุหรี่ อสม.ชักชวนผู้สูบบุหรี่ให้เลิกสูบได้ คลินิกบำบัดบุหรี่ต้นแบบ ชุมชนปลอดเหล้า สิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ในสถานที่ราชการ สวนสาธารณะ วัด และโรงเรียน และการบังคับการใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ทำให้ประสบความสำเร็จ ลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ เป็นแบบอย่างสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่อื่นได้

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

แพทย์ชี้ “ชาหญ้าดอกขาว” ช่วยเลิกบุหรี่ได้