ไม่มีใครกอดเรา ให้เขา (ล้อน) กอดแทนก็ได้

by ThaiQuote, 2 มีนาคม 2563

อ่านบันทึกการเดินทางของคณะนักท่องป่า 9 ชีวิต กับภารกิจพิชิตยอดยอดเขาล้อน Unseen จ.พัทลุง ท่ามกลางสายฝน ในวันแห่งความรัก!!

โดย...นักเดินทาง OMG Trekking Thailand

ไม่มีใครกอดเรา ให้เขา (ล้อน) กอดแทนก็ได้

 

12 ก.พ. 2563 เริ่มต้น

พัทลุงไม่มีสนามบิน แม้ที่ผ่านมาจะมีเสียงเรียกร้องจากภาคธุรกิจท่องเที่ยว ยื่นเรื่องให้หน่วยงานรัฐเห็นความสำคัญต่อการสร้างสนามบินพัทลุง อันเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มี ‘ทะเลน้อย’ ทะเลสาบน้ำจืดมีเนื้อที่ประมาณ 17,500 ไร่ แต่ไม่มีความคืบหน้าอันใด

คิดถึงทะเลน้อย จะคิดถึง ‘บัวแดง’ ดอกบัวสีแดงสดชูช่อดอกตระการสุดลูกตา และนกน้ำนานาชนิดที่บรรดานักชมนกต่างปักหมุดให้ไปเยือนสักครั้ง เพราะนี่คือ Unseen พัทลุง

การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะไปจังหวัดพัทลุงคือ นั่งรถทัวร์โดยสารสายใต้ หรือเดินทางโดยเครื่องบินลงปลายทางสนามบินจังหวัดตรัง แล้วค่อยต่อรถมาพัทลุง ระยะทางจากสนามบินมาตัวเมืองประมาณ 60 กิโลเมตร ซึ่งอาจไม่สะดวกนัก

คณะนักเดินทางทั้ง 9 คน พร้อมเป้เดินป่าใบโต จึงเลือกเริ่มต้นจากปลายทางสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (ถนนบรมราชชนนี) หรือ สายใต้ใหม่ เที่ยวรถออกเวลา 17.15 น. โดยรถทัวร์มาตรฐาน 24 ที่นั่งสายกรุงเทพ –สุไหงโก-ลก มุ่งหน้าสู่ปลายทางสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.พัทลุง ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมงโดยประมาณ


13 ก.พ.2563 เดินท่ามกลางสายฝน

รถทัวร์ถึงสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.พัทลุง ตอน 6 โมงเช้า ถือว่าล่าช้าไปกว่ากำหนดเล็กน้อย แต่สามารถหลับเอาแรงบนรถได้หลายชั่วโมง ถือเสียว่าได้เตรียมพร้อมร่างกายไปในตัวก่อนไปผจญการเดินทางข้างหน้า เราตระเตรียมล้างหน้าแปรงฟัน และทำธุระส่วนตัวกันภายในสถานีขนส่งฯ ดื่มกาแฟแบบบ้านๆ และขนมลงท้อง รอรถจากคณะเจ้าหน้าที่นำทางมารับ ซึ่งก็ไม่ต้องรอนานนัก รายทางแวะซื้อของใช้จำเป็นเล็กน้อย อาทิ น้ำดื่มแบบขวดสำหรับพกติดตัว และก็แวะลิ้มลองแกงปักษ์ใต้แบบฉบับพัทลุงเสียหน่อย ...แกงเผ็ดของที่นี่เผ็ดจนชื่อเสียงเลื่องลือ!

ถึงบ้าน ‘พี่เขา’ ผู้ชายผมยาว หน้าโหด ผิวสีน้ำตาลอ่อน ดูทะมัดทะแมง แต่ก็ยิ้มหวาน เจ้าหน้าที่นำทางเดินป่าของเราในทริปนี้ ตอน 8 โมงกว่า แถมเจอ ‘พี่ใหม่’ ผู้ชายไว้หนวดผมประบ่า หน้าตาโหดไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นทีมสตาฟฟ์เมื่อครั้งไปเยือนเขาหลวงนครศรีธรรมราช ทริปนี้ พี่ใหม่อาสามาช่วยดูแลเราด้วย น่าซึ้งใจจริงๆ และ ‘ปอนด์’ หนุ่มน้อยหน้ามน น้องเล็กในกลุ่มทีมสตาฟ ฟ์ที่อาสามาช่วยแบกสัมภาระส่วนกลาง

 

 

เรารีบเตรียมตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดเดินป่า แพ็กกระเป๋าและสัมภาระโดยยัดใส่ถุงดำรัดให้แน่นก่อนบรรจุลงเป้ รับประกันว่าสายฝนที่ประพรมลงมาไม่มีทางไปสัมผัสถึงเนื้อในได้แน่นอน...คนพร้อม เป้พร้อมขึ้นหลัง และฝนก็พร้อมมากกว่าปกติ ตกตั้งแต่ตอนมาขณะนี้ 9 โมงกว่ายังไม่มีท่าทีจะหยุด

เดินป่าใต้ อย่ากลัวฝน ไม่แน่ใจว่าใครพูดคนแรก แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกคนจึงสวมเสื้อกันฝน ยกเป้ขึ้นสะพายบ่า ขึ้นรถกระบะที่อาสาไปส่งยังจุดเริ่มต้น ซึ่งห่างจากบ้าน ‘พี่เขา’ ราว 2 กม.ก่อนลงรถเดินไปยังจุดแรกซึ่งเป็น ‘ขนำน้อย’ ริมลำธาร

วันนี้เดินเบาๆ ราว 6-7 ชั่วโมง เดินย้อนลำธารขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ถึงจุดพักคืนแรก ข่าวดีคือเส้นทางนี้ทากน้อย (มีน้อยแต่มีนะ) แต่เพราะฝนที่ตกพรมตลอดทาง ทำให้การเดินย้อนลำธารไปเรื่อยๆ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ สมาชิกในทริปเกือบทุกคนใช้รองเท้าแบรนด์เนมหุ้มข้อ ซึ่งมีข้อเสียคือไม่เหมาะสำหรับเดินบนหินที่เปียก เพราะพื้นรองเท้าแข็ง ปะทะก้อนหินที่มีตะไคร้น้ำเกาะ มีโอกาสหน้าคะมำ ก้นจ้ำเบ้าได้ง่าย เตือนตัวเองให้ระวัง มองเท้า มองทาง และมีสติอยู่เสมอ ก็ถือว่าทุกลักทุเลกันพอสมควรตั้งแต่ชั่วโมงแรก

  

 

ลืมบอกไปว่าทางเส้นนี้จะตัดไปทางน้ำตกหนานสูง แต่เป็นเส้นทางใหม่ที่ ‘พี่เขา’ กับ ‘พี่ใหม่’ สองหนุ่มผมยาว เพิ่งจะเดินสำรวจ ไม่ใช่ทางปกติที่คณะเดินทางจะไปกันคือเส้น หนานสูง หนานญี่ปุ่น ตัดขึ้นยอดเขาล้อน (หนาน เป็นภาษาใต้ แปลว่าน้ำตก) เป็นอันว่าเราได้ร่วมบุกเบิกเส้นทางใหม่ซึ่งน้อยคนนักที่เคยเดินผ่าน ป่าจึงยังคงดิบชื้นสไตล์ป่าใต้ และวิธีเดินนั้นแสนง่าย เทคนิค คือ เดินย้อนลำธารขึ้นตกขึ้นไปเรื่อยๆ

ถ้าชันมากจนปีนป่ายไม่ไหว ก็สำรวจดูว่าสามารถตัดไปด้านข้างทางซ้าย หรือขวา สุดแท้แต่ด้านไหนจะเดินสะดวกกว่ากัน สิ่งที่ต้องระวังตรงนี้ คือ ด้วยทางที่ไม่ใช่ทางเดินปกติ ป่าก็เหมือนกันหมด ไม่ควรทิ้งห่างกันมาก และถ้าให้ดี คอยประกบคู่ไว้ จะได้คอยช่วยเหลือกัน เพราะเดินป่า ไม่ใช่เดินห้าง ตลอดรายทางทั้งชันและลื่น ต้องข้ามลำธาร ต้องปีนป่าย และอาจต้องมุดลอดในบางจุด ดังนั้นการปรับเป้สะพายหลังจึงไม่ควรสูงเกินศีรษะ ซึ่งทำให้การลอดหรือมุดยิ่งยากและเปลืองแรงขึ้นไปอีก 

 

 

 


เกือบบ่ายโมง ทั้งคณะก็มาถึงหนานสูง กระแสน้ำสีขาวราวมุกมณีไหลบ่า ลดหลั่นมาตามร่องหินที่สูงเสียดยอดไม้ สายน้ำซ่านกระเซ็นส่งเสียงซ่า ราวกำลังเริงร่าท่ามกลางความเขียวสดของแมกไม้และเงาดำทมึนของผาหิน ฝนยังไม่เบื่อหน่ายที่จะตก ทางเดินยังคงลื่น คณะตัดทางไปด้านข้างหนานสูง เพราะจะให้ปีนขึ้นยอดน้ำตกคงไม่ไหว เลยยอมอ้อมนิดหน่อยแต่ปลอดภัยกว่า ปีนป่ายไปอีกระยะก็พักกินข้าวเที่ยงซึ่งเตรียมมา ก่อนไต่ริมลำธารอีกสองจุดก็ถึงจุดค้างคืนจุดแรกราว 4 โมงเย็น

ฝนยังคงโปรย แต่บางลง น้ำในลำธารไหลแรงกว่าปกติ รีบหาจุดผูกเปลตามราวป่าริมลำธาร ให้สูงขึ้นมาหน่อย ปลอดภัยจากน้ำป่าถ้าเกิดมีขึ้นมาจริงๆ ก่อนจัดแจงสัมภาระในเป้ให้เข้าที่ อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อที่แห้ง เพราะใส่เสื้อผ้าเปียกชื้นเป็นเวลานาน นิวมอเนียจะถามหา หรือจะป่วยเอาง่ายๆ

ภายใต้สภาพแวดล้อมที่สวยงามแต่ดุร้าย จิตใจที่ร่าเริงและเติมเต็มความสนุกครื้นเครงให้แก่กัน มองความจริงที่เป็นไปให้เป็นเรื่องธรรมดา ก็ผ่านวันคืนไปได้

ข้าวหุงสุกแล้ว กับข้าวก็อร่อย ต่างคนกินกันมากกว่ามื้อปกติ ภายนั่งใต้ฟลายชีตตรงลานหิน ฟังเสียงลม เสียงฝน และเสียงกระเซ็นของธารน้ำตก ความมืดที่รายล้อม เสียงเพลงเพื่อชีวิตจากสมาร์ตโฟนของปอนด์ เครื่องดื่มรสแรงที่เตรียมมา วงสนทนาจิปาถะคุยกันในเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ ค่อนคืนก็ถึงเวลานอน ซึ่งข้อดีของการนอนเปลคือร่างกายไม่ต้องสัมผัสพื้นดินอันเป็นที่อยู่ของมดแมลงและสัตว์เลื้อยคลาน ทำให้หลับสนิทเพื่อรับความท้าทายของพรุ่งนี้

 

14 ก.พ.2563 วันแห่งความรัก

เช้าตรู่ในวันแห่งความรัก สำหรับคอกาแฟ ความรักวัยหนุ่มสาวมันก็แค่กาแฟที่เติมความหวานมากไปจนเสียรสชาติกาแฟ ยิ่งถ้าเป็นกาแฟดริปที่สั่งซื้อมาจากไร่กาแฟจากดอยสูงที่เชียงใหม่ คั่วกลางและบดละเอียดมาพร้อมสรรพ ค่อยๆ ราดรดด้วยน้ำร้อนอย่างเบามือ ไอกาแฟกรุ่นคละคลุ้งสัมผัสได้ถึงความละมุนของรสขมอมเปรี้ยว

กาแฟแบบนี้ซ่อนความหวาน ถ้าเติมน้ำตาลจะเสียรส ค่อยๆ ดื่มด่ำกับยามเช้า สูดอากาศให้เต็มปอด และเสียงสำธารยังคงกระซ่านเซ็น ชีวิตของวันใหม่เริ่มต้นในลักษณะที่ต่างจากเดิม หลังมื้อเช้า ทั้งคณะรีบเก็บของสัมภาระ และออกเดินทางต่อเวลา 10 โมงเช้า ไม่รีบ ไม่เร่ง แต่เดินไม่หยุด ข่าวดีคือเช้านี้ฝนไม่ตก แต่เมฆดำทมึนบนฟ้ายังไม่น่าไว้ใจ

วันนี้คณะยังคงยึดเส้นทางเดินย้อนน้ำตกเป็นหลัก ค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ พื้นหินยังคงลื่น ป่ารอบด้านเริ่มแปลกตา เขียวมากขึ้น สีสดขึ้น มอส เฟิร์น ปลงมหาสดำและต้นเตยป่าเริ่มหนาตา วันนี้เราเดินกันช้ากว่าปกติ อาจเพราะลื่นมาก ชันมาก และต้องแหวกต้องมุด ลอดขอนไม้อยู่เนืองๆ แต่ก็ท้าทายดี ตอนเที่ยงแวะอาบน้ำที่ ‘แอ่งจากุซซี่’ แอ่งน้ำขนาดใหญ่คล้ายอ่างน้ำวน ความลึกระดับท่วมหัว แน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธความหรูหราท่ามกลางป่าดิบเถื่อนแห่งนี้

 


นอนแช่น้ำจนหนำใจก็กินมื้อเที่ยงที่เตรียมมาแล้วเดินทางต่อ ผ่านเส้นทางน้ำตกไต่จากจุดหนึ่ง ไปอีกจุดหนึ่งจบไม่นับว่าผ่านน้ำตกใหญ่น้อยมาเท่าไหร่ ทางชันขึ้นเรื่อยๆ ผ่านดงมะไฟป่าลูกสีเหลืองนวลขนาดเกือบเท่าไข่ไก่ เปลือกหนา รสเปรี้ยว และเนื้อน้อย ปลิดใส่เป้สองสามช่อเอาไว้กินเล่นและเมนูเมื้อเย็น ‘แกงส้มมะไฟป่า’

 


ถึงจุดพักแรมคืนนี้ตอน 4 โมงกว่า เช่นเดิมคือนอนใกล้ลำธาร น้ำใสสะอาด ไว้ดื่ม หุงอาหารและชำระล้างร่างกายที่เลอะไปด้วยดินโคลน สภาพป่าแวดล้อมรกและมืดครึ้มกว่าจุดพักคืนแรก แถมจุดนี้ทากเยอะ คณะรีบจัดแจงหาที่ผูกเปลและที่พักส่วนกลาง อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดแห้ง อร่อยกับมื้อเย็น กับข้าวง่ายๆ แบบพื้นบ้านภาคใต้รสเผ็ดและข้าวสวยร้อนๆ นั่งพูดคุยเฮฮาเรื่องการเดินทางของวันนี้ และพรุ่งนี้ ลุ้นว่าจะได้เจอสมเสร็จอันเป็นสัตว์ประจำถิ่นของที่นี่หรือไม่ เยียวยาใจให้กับความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมา ชีวิตป่านั้นแสบเรียบ ตื่น เดิน กิน สันทนาการ และนอน ก็แค่นี้เอง

ม่านสีหมึกคลุมทั่วทุกอณูไพร เสียงน้ำตกสาดซ่า กบเขียดร้องระงม นก หนู แมลงกลางคืนออกหากิน นอนฟังเสียงจนหลับไปท่ามกลางไพรกว้าง ไม่คิดด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร อยู่ป่า คือการอยู่กับปัจจุบัน

 


15 ก.พ.2563 ตามล่าสมเสร็จ ตัดทางชันขึ้นยอดเขาล้อน

7.30 น. วันนี้ตื่นสายกว่าปกติ อาจเพราะเมื่อวานเดินกันหนัก ร่างกายเลยขอยืดเวลาตื่นไปอีกหน่อย แต่อดทนนอนต่อไม่ไหว เพราะมะไฟป่า และอาหารที่กินไปก่อนหน้านี้ต้องการระบายออก คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่เคยปลดทุกข์ในป่า คือหาพื้นที่เหมาะๆ ปลอดคน ก็ใช้ได้แล้ว สำหรับการใช้ทิชชู่ ควรเป็นแบบกระดาษปกติ ไม่แนะนำให้ใช้ทิชชู่เปียกที่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่ย่อยสลายได้ยาก และกลบให้มิด

ช่วงเวลาอาหารเช้าผ่านไปอย่างอบอุ่น อาหารง่ายๆ ในป่า กาแฟรสขม และน้ำแร่ที่ตักจากลำธาร สำหรับคนที่ไม่วางใจน้ำจากลำธาร อาจพกเครื่องกรองน้ำแบบพกพาไปด้วย ของดีก็ราคาสูงหน่อย แต่ก็ช่วยกรองได้ดีระดับหนึ่ง แต่สำหรับคนที่ไม่ถือสาสามารถดื่มน้ำจากลำธารโดยไม่กรองก็ได้เช่นกัน และพิสูจน์มาหลายๆ ครั้งแล้วว่าไม่ส่งผลอันตรายใดๆ

วันนี้เดินทวนน้ำตกไปเล็กน้อย ก่อนตัดขึ้นสันเขาซึ่งชันมาก และเส้นทางนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของสมเสร็จ ไอดอลของเขาล้อนแนวเทือกเขาบรรทัดแห่งนี้ น่าเสียดายที่ตลอดรายทางเพียงได้เจอแค่รอยนอนพัก คาดว่าอาจเป็นเมื่อคืน หรือคืนวานนี่เอง ประมาณบ่าย สองขาเริ่มหมดแรงเพราะเดินทางชันไต่ขึ้นยอดเขาที่ความสูงประมาณ 1600 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็ถึง ‘ป่าแคระ’ ซึ่งเป็นปกติของยอดเขาสูงที่พรรณไม้จะเป็นลักษณะพุ่มเตี้ย แต่เหนียวและแข็งมาก คล้ายเป็นการปรับตัวทางธรรมชาติที่ต้นไม้ลดผลกระทบจากลมแรงบนยอดเขาสูง

 


เราพักกินข้าวเที่ยวที่ลานหิน ชื่มชมทิวทัศน์แบบ 360 องศา และถ่ายรูปคณะฉลองความสำเร็จตรงหน้า เพราะอีกไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้า คือ ‘ยอดเขาล้อน’ ปลายทางที่ดั้นด้นมาตามหา สภาพอากาศบนยอดเขาสูงวันนี้มีหมอกมาก และลมแรง แสงอาทิตย์แทบไม่มีโอกาสส่องลอดทะลุสายหมอกมาได้ อากาศเริ่มลดอุณหภูมิลงเรื่อยๆ รีบจัดแจงหาที่พักและผูกเปลกับต้นไม้ คืนนี้น่าจะลมแรงและอากาศหนาวมากแน่

เราไม่ละความพยายามที่จะเดินขึ้นยอดเขาล้อน ในช่วงที่หมอกเผยโฉมให้เราเห็นทิวทัศน์รอบๆ มองเห็นตัวเมืองพัทลุง ตรัง และสงขลา เราเรียกมันว่า ‘มุมมอง 3 จังหวัด’ ที่สำคัญ สามารมองเห็นท้องทะเลจากมุมสูง ผลจากความพยายาม ธรรมชาติยังคงปราณี เผยให้เห็นด้านที่อ่อนโยน แม้เพียงไม่กี่อึดใจก็ตาม ไม่ได้ทำให้หายเหมือนหรอก แต่ก็คุ้มค่าที่ได้เห็น

 


วันนี้เมนูมื้อเย็นถูกจัดแบบเต็ม ด้วยฝีมือ ‘เชฟพี่ใหม่’ ชายหน้าหนวด ผมประบ่าของเรานั่นเอง เมนูแนะนำ อาทิ เปรี้ยวหวานเขาล้อน น้ำพริกมะไฟป่า ผัดเผ็ดปลาดุก และแกงเลียงในเหลียงและเห็ดหูหนู อร่อยทุกอย่าง ช่วงค่ำวงสนทนาย้ายไปดูดาวที่ยอดเขาล้อนพร้อมเครื่องดื่มพื้นบ้าน คืนนี้ฟ้าใส ดาวดวงน้อยเปล่งแสงระยิบ พรุ่งนี้ถ้าสภาพอากาศเป็นใจ แสงสีทองตรงสุดขอบฟ้าที่มุดจากทะเลหมอกสีขาวนวลต้องสวยมากแน่ อากาศบนยอดเขาเริ่มลดอุณหภูมิลงอีก น้ำค้างเกาะฟลายชีท คืนนี้นอนหนาวกว่าทุกคืน

 

 

ราวตี 5 กว่า ได้ยินเสียงเพื่อนๆ รีบตื่นเดินขึ้นยอดเขาล้อนเพื่อไปชมแสงแรกของวัน ใช้เวลาเดินไปนานก็ถึงยอดเขา โชคดีในรอบหลายปีคือ เช้านี้อากาศเปิด เขาล้อนเผยให้เห็นด้านที่สวยงามอย่างโอ้อวด ลมพัดเอื่อยปะทะหน้า ทิวเขาสูงปกคลุมด้วยหมอกสีขาวนวลโอบล้อมรอบด้าน ราวอ้อมกอดของคนรัก เป็นความอบอุ่นจากข้างใน ไม่นานแสงสีทองจางๆ เริ่มปรากฏตรงด้านตะวันออกของขอบฟ้า แสงที่นำความอบอุ่นและสว่างแก่ทุกคน แม้ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยขบตามร่างกายยังคงอยู่ แต่วินาทีนี้เรารู้ว่ามันเกินกว่าความคุ้มค่า ความสวยงามมักคงอยู่ไม่นาน แต่จะนานถ้ามันสวยงามในจิตใจ และถึงคราวที่ต้องบอกลาความสวยงามแห่งขุนเขา ขอบคุณสำหรับการโอบกอดอย่างอบอุ่น

 


เช้าวันนี้เรารีบกินข้าวและเก็บสัมภาระเดินทางกลับอย่างรีบเร่งกันตั้งแต่ 9 โมง เพื่อกลับถึงบ้านพี่เขาตอน 4 โมงเย็นและต่อรถไปสนามบินจังหวัดตรังเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยนกเหล็กสีแดง ...อย่างที่บอกในตอนต้น คงดีถ้าพัทลุงมีสนามบิน

  

 

 


เรื่องอื่นที่น่าสนใจ