ชีวิต “การ์ดรัฐมนตรี” เช้าจรดค่ำ มือต้องแห้งพร้อมยิง ส่วนในรถก็ต้องมีปืน

by ThaiQuote, 2 มิถุนายน 2563

ยิ่งความร้อนแรงของการเมืองมันมากล้นเท่าไหร่ "บุคคล" ที่ข้องเกี่ยวกับการเมืองนั้นๆ ก็ต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น

โดย....กองบรรณาธิการ ThaiQuote

ความปลอดภัยในชีวิต การทำงาน ครอบครัว จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ "นักการเมือง" เพราะทำงานด้านนี้มันไม่อาจเลี่ยงที่จะไม่ไปเตะตัดขาใคร หรือไปทำให้ผลประโยชน์ของใครต้องได้รับการกระทบกระเทือน

ดั่งวลีที่ว่า "มีคนรัก ก็ย่อมมีคนเกลียด" คนการเมืองก็ไม่อาจเลี่ยงเรื่องนี้ไปได้

แน่นอนว่าเมื่อพันเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักการเมือง คนที่เกี่ยวข้องย่อมต้องเป็น "ชุดรักษาความปลอดภัย" หรือการ์ดนักการเมือง ที่พวกเขาต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้นายปลอดภัย เพราะเมื่อนายปลอดภัย คนเป็นนายก็ทำงานการเมืองได้อย่างสะดวกเพื่อตอบแทนประชาชน

แต่การทำงานของพวกเขา เหล่าบรรดาการ์ดของนักการเมือง เขาทำงานกันอย่างไร เขาต้องระวังอะไรกันบ้าง งานเครียดบ้างหรือไม่ หลากหลายคำถามที่ดูเหมือนในกูเกิลจะไม่มีให้ค้นหาคำตอบ

ThaiQuote สบจังหวะไปนั่งคุยกับ "การ์ด" ของวงการการเมือง ชายผู้นี้เป็นบุคคล "มีสี" ที่พ่วงสถานะงาน มีต้นสังกัดในการรับราชการ แต่หน้าที่หลักที่เขากำลังทำอยู่คือ "รักษาความปลอดภัยให้กับรัฐมนตรี" ที่เขาไม่ขอเอ่ยนามถึงนาย แต่ยินดีจะบอกเล่าวิธีการทำงานของชีวิต "การ์ดนักการเมือง" ให้สังคมได้รับรู้กัน


หนุ่มใหญ่วัย 40 ปีเศษ สวมชุดสูทสีดำทะมึนผูกเนกไท ตัดผมเกรียนติดหนังศีรษะ หูขวามีวิทยุสั่งการเชื่อมต่อเอาไว้ มาดแมน แข็งขัน บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยอย่างเด็ดขาด ช่วงเอวด้านขวามือดูคล้ายมีวัตถุขนาบเอวของเขาไว้ ซึ่งไม่ต้องฟันธงลงไปให้ชัดก็คงพอทราบว่าวัตถุนั้นคืออะไร และเขาคนนี้คือคนที่เรากำลังพูดถึง

"ผมเป็นทหารครับ ยศชั้นประทวน ชื่อบอกไม่ได้ครับ เรียกว่า "พี่" ละกัน" ประโยคแรกของพี่คนนี้ ที่ทำหน้าที่การ์ดให้กับรัฐมนตรี เราเจอเขาที่กระทรวงแห่งหนึ่ง และคุ้นเคยกันดีจึงถือโอกาสเข้าไปพูดคุย

การ์ดประจำตัวรัฐมนตรีคนนี้ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในงานการเมืองมาแล้วราว 3 ปีเศษ และในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นโอกาสใหญ่ที่เขาได้รับในการดูแลบุคคลสำคัญของรัฐบาลเป็นครั้งแรก และจากนี้คือบทสนทนาที่เราจะได้รับจากเขาเกี่ยวกับการทำงาน

"ปกติรายงานภารกิจประจำวัน จะรับในช่วงเย็น 1 วันก่อนภารกิจเริ่มต้น ซึ่งข้อมูลที่ได้มาจะถูกนำมาประชุมทีมรักษาความปลอดภัย เพื่อวางเส้นทางที่ปลอดภัย และดี มากที่สุดสำหรับบุคคลสำคัญ พร้อมทั้งกำหนดเวลาการเดินทางไปแต่ละที่หมาย และดูแลให้รัฐมนตรีถึงที่หมายอย่างทันเวลา และปลอดภัย ฟังดูเหมือนง่ายมั้ยครับ แต่มันมีรายละเอียดอีกเยอะ"

รายละเอียดที่การ์ดผู้นี้กล่าวถึง คือ ตำแหน่งรัฐมนตรี จะได้สิทธิ์รถตำรวจนำขบวนการเดินทาง แต่จะเป็นเฉพาะภารกิจของงานราชการเท่านั้น หากเป็นเรื่องส่วนตัว ไปกินข้าว ไปเที่ยว รถนำขบวนจะไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเด็ดขาด ซึ่งในรายละเอียดของภารกิจนี้เองที่ทีมรักษาความปลอดภัยจะต้องประสานไปยังตำรวจนำขบวนรัฐมนตรีด้วย ซึ่งทีมของการ์ดจะไม่ได้นั่งอยู่ในรถกับรัฐมนตรีที่ต้องเดินทาง โดยภายในรถจะมีเพียงแค่รัฐมนตรี ผู้ติดตาม และคนขับรถเท่านั้น ส่วนการ์ดจะมีรถยนต์อีกคันขับรถตามไป ซึ่งในรถยนต์คันนี้จะมีการ์ดทั้งหมด 4 คน และเป็นทหารทั้งหมด

"แน่นอนครับ ในรถต้องมีอาวุธ การ์ดก็ต้องมีครบมือทุกคน ในรถก็มีอีกจำนวนหนึ่ง แต่บอกไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ชนิดไหน เท่าไหร่ มันเป็นความลับในการดูแลรักษาความปลอดภัย" การ์ดคนเดิมตอบคำถาม

อย่างไรก็ตาม ภารกิจแบบนี้ พี่การ์ดคนนี้ระบุว่า "สบายที่สุด" เพราะเป็นภารกิจงานในกระทรวง หรือไปปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น รูปแบบการทำงานจะมีเท่านี้ แต่จะยุ่งยากตามมาทีเดียวหากเกิดว่า รัฐมนตรีท่านนั้น จะต้องไปปฏิบัติภารกิจตามสถานที่อื่นๆ ทั้งงานปาฐกถา หรือการประชุมงานข้างนอก การเปิดงาน เพราะจะบวกความละเอียดในการตรวจตราพื้นที่มากยิ่งขึ้น และเพิ่มความระมัดระวังเป็นทวีคูณ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ไม่ปกติ และมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้

"อย่างเช่นมีงานข้างนอก ที่ไม่ใช่กระทรวง หรือทำเนียบรัฐบาล เมื่อเราเห็นหมายภารกิจ ก็จะต้องส่งทีมล่วงหน้าไปตรวจงานกันก่อน ตรวจงานก็คือไปดูความเรียบร้อย จุดจอดรถ เข้าออกทางไหนบ้าง สถานการณ์ฉุกเฉินจะทำอย่างไร ซึ่งหากทีมตรวจประเมินว่าไฟเขียว คณะของรัฐมนตรีจึงจะเข้าไปได้ แต่หากประเมินแล้วเสี่ยง ก็จะไม่ให้เข้าอย่างเด็ดขาด"

พี่การ์ดคนนี้ อธิบายให้เห็นภาพอีกว่า เมื่อขนาบข้าง หรือกำลังปฏิบัติหน้าที่เคียงกันไปกับรัฐมนตรี ก็ต้องมีท่าทางที่ถูกต้องอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น มือที่กุมไว้สองข้างขณะยืนนิ่งนั้น ตามปกติคนทั่วไปจะใช้มือข้างที่ไม่ถนัด โอบมือข้างที่ถนัดเอาไว้ แต่สำหรับการ์ดนักการเมือง จะต้องทำสลับกัน นั่นเพราะมือข้างที่ถนัดนั้น จะต้องแห้งอยู่เสมอ ไม่มีน้ำจากเหงื่อที่เปื้อนมืออย่างเด็ดขาด เพราะมันย่อมหมายถึงการ "พลาด" หากจะกระชากปืนออกจากซองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แล้วเพราะเหงื่อที่เต็มมือทำให้จับด้ามปืนเมื่อใช้งานไม่ถนัด

หรืออีกตัวอย่าง การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ตามปกติจะมีการรุมล้อมรัฐมนตรีเพื่อหาข่าวกันอย่างเต็มที่ หน้าที่การ์ดจะต้องวางกำลังรายล้อมตัวรัฐมนตรีเอาไว้ในรูปแบบ 360 องศา และสายตาของการ์ดแต่ละคนจะมองไปยังพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น หน้าที่คือสอดส่องกลุ่มคนที่อาจจะแฝงเข้ามา หรือการระมัดระวังไม่ให้ไมค์ สายไมค์ ไปขัดขวางการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรี เป็นต้น

“การยืนแบบนี้ คนสำคัญคือคนที่อยู่ด้านหลังรัฐมนตรีและมองไปในทิศทางเดียวกันของรัฐมนตรี เพื่อจะสามารถเห็นฝั่งตรงข้ามของท่านได้ โดยมีหลักสำคัญคือ ห้ามทะเลาะกับนักข่าว เพราะการ์ดเมื่อไปทะเลาะกับนักข่าวจะเคลียร์ให้จบยาก แต่เราจะใช้วิธีการที่น้ำเย็น เช่น หากเห็นว่าไมค์ที่ยื่นมาอยู่สูงเกินไป จะใช้ได้แค่ท่อนแขนของเราดันลงเบาๆ เป็นต้น” รายละเอียดปลีกย่อยของการดูแลความปลอดภัย

"แต่ถ้าหากท่านไม่ให้สัมภาษณ์ ก็จะมีการแจ้งก่อน จากนั้นทีมก็จะพาท่านไปขึ้นรถให้เร็วที่สุด และออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดเช่นกัน" การ์ดคนเดิม ย้ำถึงวิธีการทำงาน พร้อมสำทับอีกว่า การทำหน้าที่ระหว่างบุคคลสำคัญและการ์ด เรียกว่าต้องมองตาและรู้ใจกัน เช่น เวลานายให้สัมภาษณ์นักข่าว เมื่อไม่ต้องการที่จะให้สัมภาษณ์จะส่งสัญญาณ เช่น การขยิบตาข้างใดข้างหนึ่ง การยกมือ หรือการจับมือจับไปที่ผม หรือใบหู นั่นหมายถึงเราจะต้องทำหน้าที่เปิดทางให้เดินออกจากวงของนักข่าว

เมื่อฟังเพลินๆ และลองสลับการกุมมือดูอย่างตัวอย่างที่การ์ดคนนี้ได้อธิบาย ก็ทำให้เห็นภาพการทำงานของพวกเขาที่เรียกว่าเข้มข้นอย่างมาก แต่คำถามที่อยากรู้ เหตุฉุกเฉินที่ว่า มีบ้างมั้ย?

"ถ้ารุนแรง ไม่มี อย่าให้มีเลยครับ เพราะถ้ามีมันหมายถึงการตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ที่อาจจะมีผลรุนแรงตามมา ทั้งต่อตัวบุคคลที่เรากำลังดูแลทำงานให้ และตัวเราเอง รวมถึงคนอื่นด้วย ดังนั้น พี่เข้าใจความหมายน้องนะ แต่เรื่องนี้ไม่มี จะมีบ้างก็แบบสายไมค์ไปพันขาตอนให้สัมภาษณ์ หรือมีนักการเมืองบางคนบอกการ์ดว่าใจดีกับนักข่าวหน่อย แบบนี้มากกว่า" พี่การ์ดเล่าพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ยังคงแฝงไว้ให้รับรู้ถึงความดุดันในประโยคเดียวกันนั้นเอง

ท้ายสุด มันทำให้เห็นภาพว่า การ์ดของนักการเมือง ไม่ใช่แค่เคร่งขรึม ดุดัน แต่ต้องมีความสุภาพ อ่อนโยน แม้แต่ท่าวางมือ ในลักษณะเวลาที่ยืนปกติ หรือเดินจะต้องวางมืออย่างไร มือทั้งสองข้างจะต้องอยู่ในลักษณะไหนที่เป็นปกติ แต่มีความพร้อมที่จะใช้อาวุธได้ทันที เพื่อทำให้มือข้างถนัดที่สุดไม่มีเหงื่อ ต้องเป็นท่าที่สุภาพ และพร้อมที่จะอารักขาให้ความปลอดภัยกับคนสำคัญจากทุกสถานการณ์ เรียกได้ว่าต้องครบเครื่อง เหมือน “ต้มยำกุ้ง” เผ็ด เปรี้ยว เค็ม ต้องมีครบทุกรส

In Facts ชีวิตการ์ดนักการเมือง

- หลักสูตรของการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ รวมไปถึงนักการเมือง รัฐมนตรีนั้น ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 ค่าย โดยมีทั้งจาก ศรภ. หรือ ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะมีหลักสูตรเฉพาะ

- การติดตามผู้ใหญ่ในรัฐบาลนั้น ส่วนหนึ่งต้องออกงานสังคม และทำความรู้จักกับคณะทำงาน รวมถึงจะต้องใส่ใจรายละเอียด และพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่ดูแลด้วย

- สิ่งสำคัญที่เราต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญ มีหลายอย่างด้วยกัน เช่น เรื่องของโรคประจำตัวของบุคคลสำคัญที่ดูแล เพื่อการเตรียมการรักษาพยาบาลขั้นต้น เกร็ดเล็กน้อย เช่น หากรู้ว่าบุคคลสำคัญมีโรคประจำตัวอย่าง เบาหวาน ก็ควรพกลูกอมติดไว้ในกระเป๋า 4-5 เม็ด

- อุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัว นอกจากอาวุธ แล้ว จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อย่าง ไฟฉาย เครื่องมืออเนกประสงค์ต่างๆ ที่เล็ก สะดวกกับการพกพา


เรื่องอื่นที่น่าสนใจ

45 วัน "เอาคืน หรือยอมแพ้" โจทย์ใหญ่วัดพลัง 4 กุมารผู้ก่อตั้ง "พลังประชารัฐ"

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ ชวนชม “จันทรุปราคาเงามัว” คืนวันที่ 5 มิ.ย.นี้