รัฐทุ่ม 6.8 หมื่นล้าน แจกเงินคนไทยรายวัน สูงสุด 250 บาท/วัน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ

by ThaiQuote, 2 กันยายน 2563

ศบศ.อัด 6.8 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินรายวันสูงสุด 250 บาท/วัน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/เดือน ช่วยคนไทย 15 ล้านคนเอาเงินไปซื้อของรายวัน แถมใช้ใน 7-11 ได้ด้วย

นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสภาพัฒนทหารเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์บริหราสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ “ศบศ.”ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ศบศ.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2 มาตรการหลัก ได้แก่

1.) มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไป แต่ไม่ปิดกั้นร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอย ประมาณ 80,000 ร้านค้า ผ่านกลไกการดำเนินงานผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ของรัฐบาล โดยรัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่าย 50% และจำกัดการใช้จ่ายต่อคนเบื้องต้นกำหนดไว้ 100-250 บาทต่อคนต่อวัน ในวงเงินไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน ประมาณ 15 ล้านคน

2.) มาตราการการจ้างงานสำหรับเด็กจบใหม่โดยรัฐบาลสมทบจ่ายกับนายจ้าง เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่ เดือน ต.ค. 2563 - ต.ค.2564 วัตถุประสงค์หลักเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้จบการศึกษาใหม่ใน 3 กลุ่ม ได้แก่ ระดับปริญญาตรี ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) รวมจำนวน 260,000 อัตรา วงเงินรวม 2.3 หมื่นล้านบาท

โดยมีอัตราค่าจ้าง ตามวุฒิการศึกษาดังนี้ ปริญญาตรี เดือนละ 15,000 บาท ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) เดือนละ 11,500 บาท และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เดือนละ 9,400 บาท ซึ่งรัฐบาลจะให้การ สนับสนุนเงินค่าจ้าง ร้อยละ 50 ของเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาทต่อคนต่อเดือน

ทั้งนี้ อยู่ภายใต้ เงื่อนไขสำคัญ คือ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องอยู่ในระบบประกันสังคม มีการยืนยันตัวตนผ่าน กระทรวงแรงงาน และต้องมีเงื่อนไขเลิกจ้างลูกจ้างเดิมไม่เกินกว่าร้อยละ 15 ภายในระยะเวลา 1 ปี (กรณีที่ลูกจ้าง ลาออกในระหว่างโครงการ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถหาลูกจ้างใหม่ทดแทนได้) ขณะที่ ลูกจ้างท่ีจะเข้าร่วมโครงการจำเป็นต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (1) มีสัญชาติไทย และ (2) อายุไม่เกิน 25 ปี หรืออายุเกิน กว่า 25 ปี ซึ่งสำเร็จการศึกษาในปี 2562 หรือปี 2563

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อกลับมาเสนอ ศบศ.อีกครั้ง ใน 2 สัปดาห์หน้า ก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไปคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือน ต.ค.นี้ และจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 90,000 ล้านบาท

 

ข่าวที่น่าสนใจ