เด็กไทยติดบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า 2 เท่าในรอบ 7 ปี มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ชี้ บุหรี่ไฟฟ้า 1 ครั้งเท่ากับ 20 มวน

by ThaiQuote, 13 กุมภาพันธ์ 2566

หมอ ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ชี้ เด็กมัธยมต้นของไทยอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจากร้อยละ 3.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 8.1 ในปี 2564 บุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อมีสารนิโคตินเท่ากับสูบบุหรี่ 20 มวน WHOชี้ ปัญหาใหญ่สุดของบุหรี่ไฟฟ้าคือ ทำให้เด็กที่ไม่เคยสูบบุหรี่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้า

 

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2566) ที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพมหานคร มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการประชุมโฟกัสกรุ๊ปเรื่อง “สางปม บุหรี่ไฟฟ้า… หลากปัญหา รอวันแก้”

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในปี 2564 มี 32 ประเทศทั่วโลก ประกาศใช้กฎหมายห้ามเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มจากปี 2557 มีเพียง 13 ประเทศ เท่านั้น สะท้อนว่าทั่วโลกตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าเพราะมีข้อมูลชัดเจน เช่น เด็กมัธยมปลายอเมริกันสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก ร้อยละ 1.5 ในปี 2554 เป็นร้อยละ 19.6 ในปี 2563 นิวซีแลนด์เด็กอายุ 14-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจากร้อยละ 1.9 ในปี 2560 เป็นร้อยละ 9.6 ในปี 2564 ส่วนเด็กมัธยมต้นของไทยอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจากร้อยละ 3.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 8.1 ในปี 2564

ศ.นพ.ประกิตกล่าวว่า รายงานการวิจัยเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกส่วนใหญ่สรุปว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและระบบทางเดินหายใจ เพราะละอองลอยมีสารโลหะหนักหลายชนิด เช่น เหล็ก ทองแดง นิกเกิล สังกะสี โครเมียม และตะกั่ว กระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังพบสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของสมองเด็กและวัยรุ่น บุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อมีสารนิโคตินเท่ากับสูบบุหรี่ 20 มวน และบางยี่ห้อมีสารนิโคตินเท่ากับการสูบบุหรี่ถึง 50 มวน

ศ.นพ.ประกิตเสริมต่อว่า องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (FDA) ยืนยันเมื่อปี 2565 ว่า ไม่เคยรับรองให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่ เช่นเดียวกับกระทรวงสาธารณสุข ออสเตรเลีย ระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2564-2565 โดยร้อยละ 60 ของคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยเลิกบุหรี่กลับมาสูบบุหรี่ชนิดมวนใหม่

“องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่า ปัญหาใหญ่สุดของบุหรี่ไฟฟ้าคือ ทำให้เด็กที่ไม่เคยสูบบุหรี่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้า และเด็กที่เริ่มต้นสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะสูบบุหรี่ธรรมดามากกว่าเด็กที่ไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 2-4 เท่า รวมทั้งคนที่เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาจะกลับมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทน ทั้งนี้ สื่อมวลชนต้องช่วยกันเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้อง หาแนวทางการสื่อสารที่เข้าถึงเด็กและเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ควบคุมการโฆษณาในสื่อสมัยใหม่ทุกรูปแบบเพราะบริษัทบุหรี่ไฟฟ้ามักใช้สื่อออนไลน์และสนับสนุนเงินในการจัดกิจกรรมดึงดูดกลุ่มเยาวชน” ศ.นพ.ประกิตกล่าว

นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า กฎหมายไทยกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามทั้งการนำเข้า จำหน่ายหรือให้บริการ มีความผิด 3 ข้อหา

1.สคบ.มีคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ผู้ใดขายหรือให้บริการ โดยมีค่าตอบแทนรวมถึงการซื้อมาเพื่อขายต่อ มีความผิดตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งสิ่งที่ใช้บรรจุและพาหนะใดๆ ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าด้วย

3.มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 244 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า ส่วนผู้ครอบครองหรือรับฝากไว้ มีความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรค 1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น การจับกุมต้องบังคับใช้กฎหมายร่วมกันหลายหน่วยงานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ

“ที่ผ่านมา สคบ.ร่วมกับตำรวจ กรมควบคุมโรค ออกตรวจจับ โดยจับกุมผู้ขายในกรุงเทพมหานคร ที่ตลาดคลองถม 13 ครั้ง จับเท่าไรก็ไม่หมด หัวใจสำคัญคือ ต้องจัดการกับผู้นำเข้ารายใหญ่ และผู้ขายที่รับมาจากรายใหญ่แล้วกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมีการลักลอบนำเข้ามาตามแนวชายแดนเป็นจำนวนมาก และขายในโลกออนไลน์ เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ โดยทำควบคู่ไปกับการให้ความรู้ประชาชนว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมีทั้งโลหะหนัก นิโคติน และสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยลดการสูบบุหรี่มวนลง” นายเลิศศักดิ์กล่าว

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

UN ยอมรับความช่วยเหลือซีเรียล้มเหลว ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวทะลุ 33,000 ราย
https://www.thaiquote.org/content/249488

กรมอุตุฯเตือนอากาศแปรปรวน 14-17 ก.พ. 66 ฝนฟ้าคะนองก่อนอุณหภูมิลด
https://www.thaiquote.org/content/249486

“รั้วไร้สาย” งานวิจัยเพื่อความมั่นคง ป้องกันคนลอบเข้าเมือง ในงานวันนักประดิษฐ์ ปี 2566
https://www.thaiquote.org/content/249482