ไทยติดอันดับที่ 8 ดูแลสิทธิมนุษยชนของเด็กได้ดีที่สุดระดับโลก

by ThaiQuote, 14 กรกฎาคม 2566

รัฐบาลให้ความสำคัญดูแลสิทธิมนุษยชนเด็ก เข้าถึงระบบการดูแลอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ นำไทยติดอันดับ 8 ของประเทศที่ดูแลสิทธิมนุษยชนของเด็กได้ดีที่สุด ประจำปี 2566 (The KidsRights Index 2023)

 

 

วันนี้ (14 กรกฎาคม 2566) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 8 ของประเทศที่ดูแลสิทธิมนุษยชนของเด็กได้ดี ประจำปี 2566 ( The KidsRights Index 2023) จากการทำดัชนีสิทธิเด็กของมูลนิธิเด็กระหว่างประเทศ (KidsRights) (https://www.kidsrights.org/research/kidsrights-index/) ซึ่งได้จัดอันดับประเทศที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดที่ได้ให้การรับรองอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ จากทั้งหมด 193 ประเทศทั่วโลก มาวิเคราะห์และจัดอันดับตามเกณฑ์ที่กำหนด

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายงานการจัดอันดับดังกล่าวเป็นผลสำรวจต่อเนื่องประจำทุกปี มีเกณฑ์การให้คะแนน จาก 5 ดัชนีหลัก ได้แก่
1. สิทธิด้านสุขภาพ (Right to Health)
2. สิทธิในการดำรงชีวิต (Right to Life)
3. สิทธิในการศึกษา (Right to Education)
4. สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครอง (Right to Protection)
และ 5. การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อสิทธิเด็ก (Enabling Environment for Child Rights) รวมทั้งรวบรวมข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF)


โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ (The Committee on the Rights of the Child) ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8 จากผลรวมคะแนนในแต่ละดัชนี ดังนี้
1) สิทธิด้านสุขภาพ อยู่ในอันดับที่ 64 ได้คะแนน 0.941 คะแนน 2) สิทธิในการดำรงชีวิต อยู่ในอันดับที่ 44 - 45 ได้คะแนน 0.898 คะแนน
3) สิทธิในการศึกษา อยู่ในอันดับที่ 37 ได้คะแนน 0.840 คะแนน
4) สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครอง อยู่ในอันดับที่ 69 ได้คะแนน 0.916 คะแนน
และ 5) การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อสิทธิเด็ก อยู่ในอันดับที่ 1 ได้คะแนน 0.833 คะแนน
ขณะที่ 10 อันดับแรกของโลก ได้แก่ สวีเดน ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี กรีซ เดนมาร์ก ไทย นอร์เวย์ และสโลวีเนีย ตามลำดับ

สำหรับผลคะแนนดังกล่าว ซึ่งประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียที่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก สะท้อนผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลที่เน้นย้ำความสำคัญของสิทธิเด็กและเยาวชนให้เข้าถึงระบบการดูแลอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ โดยเฉพาะด้านการดูแลและด้านการศึกษาให้ครอบคลุมทุกช่วงวัย เช่น การจัดสวัสดิการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โครงการอาหารกลางวัน โครงการเงินอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน รวมทั้งการส่งเสริมคุณภาพด้านปฐมวัย ผ่านการใช้พระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 เป็นต้น


สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยได้ให้การรับรองอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2535 (Convention on the Rights of the Child) ซึ่งกำหนดให้เด็กทุกคนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและได้รับการคุ้มครองในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยมีหลักการสำคัญ คือ การไม่เลือกปฏิบัติและถือประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นที่ตั้ง ซึ่งประกอบด้วยสิทธิของเด็ก 4 ด้าน ได้แก่ สิทธิในการอยู่รอด สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา และสิทธิในการมีส่วนร่วม


ที่มา: https://shorturl.asia/vX2GA


ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

นักแสดงฮอลลีวูดและนักเขียนจับมือนัดหยุดงาน หลังจากพูดคุยกับสตูดิโอล้มเหลว
https://www.thaiquote.org/content/250730


นักวิจัย ม.นเรศวร ส่ง “ส้มโอฉายรังสี” ของดีเมืองชาละวัน ผลักดันก้าวไกลสู่สากล
https://www.thaiquote.org/content/250725

ไทยติดกลุ่มท็อป 9 ประเทศค่าครองชีพเหมาะแก่การใช้ชีวิตหลังเกษียณ
https://www.thaiquote.org/content/250722