GC เปิดกระบวนทัศน์หมุนตาม3คลื่นเทรนด์. เรือธงแล่นสู่ปลายทางองค์กรยั่งยืน

by ESGuniverse, 1 เมษายน 2567

GC ปูเส้นทางองค์กร ไต่ 3 คลื่นเมกะเทรนด์โลก สุขภาพ สังคมเมือง และดิจิทัล กาง 3 บันไดปลายทางยั่งยืน ยกระดับองค์กร โตนอกบ้าน และครองผู้นำธุรกิจยั่งยืน

 

ทิศทางขับเคลื่อนโลกไปสู่วันข้างหน้า เป็นยุคแห่งความหวังผ่านพ้นวิกฤติโลกร้อน ก้าวสู่การทำธุรกิจยั่งยืน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ชื่นชม และสนับสนุนแบรนด์ หรือ องค์กรที่ใส่ใจต่อโลก ทำธุรกิจด้วยความ รับผิดขอบสังคม และสิ่งแวดล้อม

 ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยในงานสัมมนา Sustainable Daily Talk Action for Change : ทำเดี๋ยวนี้! เพื่อการเปลี่ยนแปลง ในหัวข้อ ภาคธุรกิจกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดโดย หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ เดลินิวส์ ออนไลน์ ว่า ESG เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถการแข่งขันในระยะยาวขององค์กร โดยบริษัทมีเป้าหมายเดินหน้าองค์กรสู่ธุรกิจเติบโตควบคู่การลดคาร์บอน โดยตั้งเป้า Commitment to Net Zero ภายในปี 2050 หรือปี 2593 รวมทั้งปรับ Portfolio มุ่งสู่ธุรกิจ Hight Value and Low Carbon ด้วย

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) หรือ GC บริษัทเคมีภัณฑ์ ขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจุบันมีโรงงานในประเทศไทยกว่า 40 โรงงาน โอเปอเรชั่น 40 ประเทศ และยังมีพอร์ตไบโอใหญ่(ฐานการผลิตเทคโนโลยีชีวภาพ)ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบัน GC มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กรภายใต้สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และมุ่งสู่องค์กรยั่งยืน ที่คงความสามารถในการทำกำไรด้วยผลิตภัณฑ์แห่งอนาคต สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ ตอบสนองต่อความต้องการ คำนึงถึงสุขภาพ สังคมเมือง ที่จะช่วยให้อยู่ในสังคมเมืองได้ดี รวมถึงเรื่องดิจิทัล ซึ่งบริษัทดำเนินการพัฒนา เพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลง

โดยเฉพาคนรุ่นใหม่กว่า 90% ของผู้ที่มาสัมภาษณ์กับบริษัทฯ ได้ให้ความสนใจเรื่อง ESG อย่างมาก รวมไปถึงการแข่งขันในต่างประเทศ กำแพงทางราคา มาตรการภาษีต่างๆบังคับให้ต้องมีเรื่องเหล่านี่เป็นภูมิคุ้มกัน นอกจากช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจแล้วยังช่วยในเรื่องของการแข่งขันระยะยาวในองค์กร

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจภายใต้สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล คือ การเติบโตทางธุรกิจที่มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี บริหารจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมครบทุกมิติ รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ

ดร.คงกระพัน กล่าวว่า บริษัท วางกลยุทธ์ 3 Step Plus เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ Hight Value and Low Carbon เติบโตสูง คาร์บอนต่ำ สอดคล้องความยั่งยืน ประกอบด้วย

1. Step Change: ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

2.Step Out: แสวงหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ในต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่บริษัทระดับโลก และ ตอบโจทย์ธุรกิจ Low Carbon โดยที่ผ่านมาบริษัท ร่วมกับ allnex ได้สร้าง Synergy และแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญที่มีทั้งด้านปฏิบัติการ และด้านนวัตกรรม

โดยจะขยายความร่วมมือไปในด้านอื่นเพิ่มเติม เช่น ด้าน ความยั่งยืน หรือ Digitalization ในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมา GC และ allnex ได้ก่อตั้ง Thailand Innovation Hub เป็นศูนย์นวัตกรรม เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และ อยู่ระหว่างการต่อยอดความร่วมมือไปยังบริษัทอื่นๆ ในกลุ่ม

3. Step Up: รักษาความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืนและการดำเนินงานด้าน Decarbonization ตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ รวมถึง Enablers for Transformation หรือ การเปลี่ยนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพร้อมสำหรับการเติบโต

ดร.คงกระพัน กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจเติบโตควบคู่การลดคาร์บอน บริษัทยังปรับ Portfolio ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ต่อยอดธุรกิจ High Value and Low Carbon โดยในกลุ่ม High Value ในกลุ่ม Specialty & Performance Chemicals มุ่งสู่ผลิตภัณฑ์ที่ทนทานมากขึ้น การต่อยอดธุรกิจใหม่ที่สร้างมูลค่า เพิ่มอัตราผลตอบแทนกำไรที่ดี วัสดุปลอดภัย และควบคู่กับการลดคาร์บอน เช่น ลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อย GHG รวมถึง Zero Carbon Footprint

ขณะที่ธุรกิจ Bio-based สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร มีสินค้าที่ย่อยสลายได้ ลดขยะพลาสติก มีผลิตภัณฑ์ทางเลือก Carbon Footprint ต่ำที่สุด ลดการปล่อย GHG สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพลาสติกใช้แล้ว สร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตร รวมถึงประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมได้ ซึ่งจะเป็นในกลุ่มของ Circularity & Recycling ด้วย Drop Point / Logistics And Soring ขยายความร่วมมือทุกภาคส่วน

“การหมุนเวียน หรือระบบ Circularity & Recycling การรีไซเคิลจะช่วยทุกอย่างได้เยอะ โดยมีระบบการจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยลดการใช้ขวดพลาสติก โดยที่ผ่านมาลดไปแล้ว 1,270 ล้านขวด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วกว่า 141,500 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ (ton CO2e/y)

นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรจากทุกภาคส่วน ทั้งชุมชน โรงเรียน มหาวิทยาลัย และภาคส่วนต่างๆ ในการรวบรวมขยะพลาสติกใช้แล้ว เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะช่วยลดขยะ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน” ดร.คงกระพัน กล่าว