ทริปง่ายๆ กับวันเบาๆ ในย่าน”ตลาดน้อย” ชุมชนเก่าแก่ที่ยังมีชีวิตชีวาที่แทรกตัวอยู่กลางกรุง ย่านเก่าแก่ที่กำลัง ฮอตและโดนใจวัยรุ่นสายฮิปๆ ที่เดินไม่ไกลก็ถึงจุดชิคเช็คอิน ถ่ายรูปกันได้ตลอดสองข้างทาง

ทริปนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศพาเพื่อนๆ มาเดินเที่ยวเล่นชิลๆในกรุงเทพกันบ้าง หลังจากท่องเที่ยวในต่างจังหวัดกันไปแล้ว ต้องบอกว่า กรุงเทพฯมีย่านเก่าแก่หลายที่ให้เราได้เดินซึมซับบรรยากาศพร้อมกับถ่ายรูปเก๋ๆ แถมมีของอร่อยให้ลิ้มลองกันตลอดสองข้างทาง

ครั้งนี้จึงขอพาเพื่อน ๆ เดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยของ “ตลาดน้อย” ย่านสุดฮอต สุดคูล อีกแห่งในเวลานี้ ที่เป็นย่านชุมชนคนจีนที่เก่าแก่มาก ๆ แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เพราะคนจีนอาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสัมผัสความคลาสสิคในสไตล์จีนโบราณดั้งเดิม ซึ่งภายในซอยจะมีบ้านไม้โบราณตั้งเรียงราย ตลอดซอยโรงเกือกมีภาพงานศิลปะแนวสตรีท อาร์ต ที่สร้างสรร สดใส เต็มไปด้วยเรื่องราว แถมที่นี่การเดินทางมาก็ง่ายนิดเดียว มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด และที่สำคัญใช้งบนิดเดียว ก็เที่ยวกันแบบสบายกระเป๋าได้แล้ว!!

จะรอช้าอยู่ใย! เราเข้าไปชมตลาดน้อยกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นเมื่อมาถึงที่ย่านตลาดน้อยแล้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ เราก็ต้องแวะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันก่อน ซึ่งศูนย์รวมจิตใจของคนในย่านนี้ก็คือ “ศาลเจ้าโจวซือกง” หรือที่ชาวตลาดน้อยเรียกกันว่า "หลวงปู่โจวซือกง" ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้เมื่อถึงเทศกาลกินเจ จะมีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะศาลเจ้าโจวซือกง ถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2347) โดยภายในศาลเจ้า จะเป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ และเทพเจ้าอื่นๆ ที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือ อาทิ พระไทจื่อเอี๋ย เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม เจ้าพ่อเสือ และสามสิบหกเทพเจ้าครับ

หลังจากได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว อีกหนึ่งจุคเช็คอินที่ไม่ควรพลาด จะต้องแวะถ่ายรูป ชิค ๆ เมื่อเราเดินลัดเลาะมาตามตรอกซอกซอย ก็จะเจอกับถนนที่เรียกว่า “สตรีท อาร์ต” นั่นเอง เป็นบริเวณที่ศิลปินกราฟฟิตี้ได้ฝากผลงานไว้บนฝาผนังของตึกรามบ้านช่องมากมาย โดยบนกำแพงจะเล่าเรื่องวิถีชีวิตของชุมชนชาวจีนตลาดน้อย ไม่ว่าจะเป็นการเชิดสิงโต เทศกาลมงคลต่างๆ เป็นพื้นที่ที่ศิลปินต้องการสื่อให้เห็นถึงการเชื่อมโยงความรุ่งเรืองจากอดีตถึงปัจจุบัน ช่วยสร้างมนต์เสน่ห์จากงานศิลปะหลากสไตล์ให้ชุมชนตลาดน้อยให้มีความคึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว ที่นี่เขาก็จะมีศิลปะให้ได้ชมอยู่ตลอดสองข้างทาง งานนี้ใครชอบรูปไหนก็โพสท่า เก๋ๆ เท่ๆ ถ่ายรูปกันได้เต็มที่เลย

จากนั้นก็มาถึงจุดแลนด์มาร์คอีกจุดหนึ่งของตลาดน้อย ที่ใครผ่านมาต้องแวะมาแชะภาพกับเจ้ารถเต่าสีส้มสุดเก๋าที่จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่า ไม่น่าเชื่อว่า! เจ้ารถเต่าเก่า ๆ ผุ ๆ คันนี้จะกลายเป็นจุดแลนด์มาร์คที่ทุกคนยอมรอต่อแถวขอถ่ายรูปด้วย

เดินเก็บภาพสวยๆกันจนลืมเวลา ท้องเริ่มร้องเตือนได้เวลาหาของอร่อยทานแล้ว มาถึงย่านตลาดน้อย ขอบอกว่าต้องไม่พลาดร้านนี้ "เป็ดตุ๋นเจ้าท่า" ตำนานร้านอร่อยย่านตลาดน้อย ที่สืบทอดความอร่อยมาหลายรุ่นมากว่า 40 ปีแล้ว เป็ดตุ๋นร้านนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา คัดเฉพาะเป็ดตัวโตๆ เนื้อแน่นๆ นำมาตุ๋นเครื่องยาจีนจนได้เป็ดตุ๋นเนื้อนุ่มหอมอร่อย มีทั้ง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด หรือเนื้อเป็ดตุ๋นเป็นจาน รับรองเลยว่าเมื่อได้ลิ้มลองแล้ว จานเดียวไม่พอแน่นอน ขอบอกว่าของเขาเด็ดจริงๆ อร่อยจนลืมอ้วนกันเลยทีเดียว

เดินเที่ยวกันจนเหนื่อย ทานกันจนอิ่มแล้ว หนังตาก็เริ่มหย่อนลง ต้องไปหาที่พักบรรยากาศดีๆ กันสักหน่อย ไฮไลท์ของตลาดน้อยแห่งนี้ นอกจากมีของอร่อยๆ สถานที่เที่ยวสวยๆแล้ว ยังมีโฮมสเตย์ที่พร้อมให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนในย่านนี้ได้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย อย่าง โฮมสเตย์ "ตลาดน้อย เพ้นส์เฮ้า" ริมแม่น้ำแห่งนี้ ที่ให้บรรยากาศเหมือนเรามาเที่ยวแล้วนอนค้างบ้านเพื่อน ไม่ว่าจะมากัน 2 คนหรือจะมาเป็นครอบครัว โฮมสเตย์แห่งนี้พร้อมต้อนรับด้วยความเป็นกันเอง ที่สำคัญสะอาด บรรยากาศดี๊ดีน่าพักผ่อนมาก ๆ แถมราคาสบายกระเป๋าอีกต่างหาก

เดินลัดเลาะมาต่อกันที่ โฮมสเตย์ "บ้านกัลยาณมิตร รจนา" เป็นอีกหนึ่งโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ในตลาดน้อยแห่งนี้ จุดเด่นของที่นี่คือเป็นโฮมสเตย์ที่เหมือนมีบ้านสองหลังอยู่ในบ้านหลังเดียว มากันสองกลุ่มก็พักที่เดียวกันได้เลย ไม่เพียงเท่านั้นที่เป็นไฮไลท์เลยคือมีหลังบ้านติดริมน้ำเจ้าพระยา เปิดหน้าต่างมองออกไปรับลมเย็นๆ ได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนราม่า เหมือนพักห้องสูทหรูระดับ 5 ดาว แต่ราคาย่อมเยา หาได้ไม่ง่ายในเมืองกรุงอย่างนี้

สำหรับคืออีกหนึ่งโฮมสเตย์ที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเที่ยวตลาดน้อย ถ้าใครอยากจะหาที่พัก ที่มีกลิ่นไอความเป็นจีน ที่นี่ "บ้านไทง้วนเองกี่ โฮมสเตย์" ที่นี่ให้อารมณ์เหมือนเราอยู่ในเมืองจีน แล้วได้มาพักที่บ้านจีนโบราณอย่างไงอย่างงั้นเลยทีเดียว มีการตกแต่งข้าวของเครื่องใช้และภาพวาดจีนให้อารมณ์สนุก ตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบ

เจ้าของโฮมสเตย์ ที่นี่บอกกับเราว่า ต้องขอบคุณ ธนาคารออมสิน ที่ได้ให้เข้าร่วมโครงการดี ๆ อย่าง GSB SMART HOMESTAY และเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาชุมชน เพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบโฮมสเตย์ พร้อมกันนี้ได้ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน รวมถึงสามารถพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืนด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้ธนาคารออมสินยังได้นำนักวิชาการมาให้ความรู้ ด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารชุมชน บริหารการเงิน ด้านการตลาด และ Social Media ที่สามารถนำไปปรับใช้ พร้อมให้ไอเดียและทุนสนับสนุนในการปรับปรุงพัฒนาบ้านพักให้มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการเป็นอย่างดีอีกด้วย

สำหรับการเดินทางมายังตลาดน้อยด้วยรถสาธารณะ แนะนำให้นั่ง MRT มาลงสถานีหัวลำโพง หรือสถานีวัดมังกร แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์ 20 บาท หรือเดินออกกำลังกาย มายังตลาดน้อย ซอยเจริญกรุง 22 ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

หนึ่งวันเต็มกับวิถีชีวิตชุมชนชาวจีนและความเก่าแก่ของบ้านเรือนโบราณย่านตลาดน้อย รวมทั้งภาพวาดบนกำแพง ทำใด้เราได้เห็นเรื่องราวและวิถีชีวิตของชุมชนที่ต้องดำเนินต่อไปท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล 

สำหรับทริปเล็ก ๆ วันนี้บอกได้เลยว่า "ดีต่อใจ" ไม่คิดว่าใจกลางกรุงเทพฯที่ดูวุ่นวายแบบนี้ จะมีที่พักผ่อน เดินเล่นชิลๆ อาร์ตๆ แบบนี้ เหมือนได้หลุดเข้ามาอยู่ในเมืองจีนเลยทีเดียว ที่สำคัญเดินทางก็ง่ายด้วยรถไฟฟ้า แปปเดียวก็ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่ แต่ยังเก๋าไม่เสื่อมคลาย เมื่อได้มาแล้วเพื่อนๆ จะหลงเสน่ห์ ของผู้คนในชุมชนที่น่ารัก เดินไปตรงไหนก็ยิ้มแย้มทักทายกันได้ตลอดทาง บอกได้คำเดียวว่า มาเที่ยวเถอะ เหมือนเราได้ชาร์จแบตเบาๆให้ชีวิต อยากให้ลองมาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวตลาดน้อย ชมงานศิลป์ กินอาหารอร่อย เดินถ่ายภาพ ชิลกับบรรยากาศ พักกายที่โฮมสเตย์ เก๋ ๆ สะอาด และเป็นกันเอง เพราะที่นี่คือ “ตลาดน้อย” ความสุขง่าย ๆ...ใจกลางกรุง

บางครั้งความสุขในชีวิต...ก็อยู่ใกล้ ๆ ตัวเราแค่นี้เอง

บทความที่น่าสนใจ

• “พะยูน” หัวใจแห่งความยั่งยืนของ “คนลิบง”
• ไทยเร่งปักหมุด! “โรงพยาบาลสนาม” ตัวช่วยสำคัญต่อสู้วิกฤติโควิด-19