สศอ.ชี้ 6 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบค่าไฟขึ้น ด้านPTT เคาะแนวทางช่วยกลุ่มเปราะบาง

by ThaiQuote, 27 ธันวาคม 2565

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมห่วง 6 อุตสาหกรรมรับผลกระทบค่าไฟขึ้น แนะ 3 แนวทางลดผลกระทบ ด้านบอร์ด PTT เคาะแนวทางช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบาง

 

 

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า จากผลการศึกษาผลกระทบต่อการขึ้นค่าไฟฟ้าต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมโดยรวม พบว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ เหล็กและเหล็กกล้า รองลงมา ได้แก่ ซีเมนต์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เครื่องแต่งกาย และเซรามิก

สำหรับข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการ คือ

1. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการลงทุนใช้พลังงานหมุนเวียนภายในโรงงาน พลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell)

2. การใช้พลังงานในสถานประกอบการอย่างประหยัด เช่น การใช้ไฟ LED และเปิด/ปิดไฟด้วยระบบเซนเซอร์ การใช้แสงจากธรรมชาติ และการติดพัดลมระบายอากาศ เป็นต้น

3. การบริหารการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในสถานประกอบการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวางแผนการใช้งานพื้นที่ให้เหมาะสมกับการจัดเก็บ เช่น สร้างพื้นที่จัดเก็บไว้เหนือสำนักงาน เพื่อใช้พื้นที่ทุกจุดอย่างคุ้มค่า

อนึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในเดือน ม.ค.-เม.ย. 66 ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น 0.4% ทำให้อัตราเงินเฟ้อที่ในปี 66 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.0% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.6%

บอร์ด PTT เคาะแนวทางช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบาง

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยจัดสรรก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งพยายามจัดหา LNG ที่มีราคาเหมาะสม มุ่งลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่า 6,000 ล้านบาท พร้อมมั่นใจไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะทำได้เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการปิโตรเคมีช่วงต้นปี 2566 ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติส่งผลให้สามารถจัดส่งก๊าซธรรมชาติในส่วนนี้เพิ่มเติมให้กับภาคไฟฟ้าได้

โดยเป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน (ตั้งแต่มกราคม - เมษายน 2566) และขอความร่วมมือ ปตท. สนับสนุนรายได้จากธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ซึ่ง ปตท. ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์วิกฤตพลังงานที่จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน

ที่ผ่านมา ปตท. ได้บริหารจัดการด้านพลังงานเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง รวมงบประมาณการช่วยเหลือตลอดโครงการกว่า 1,223 ล้านบาท ได้แก่ การขยายระยะเวลาตรึงราคาขายปลีก NGV สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2566 และการขยายระยะเวลาการช่วยเหลือส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม (LPG) ให้แก่กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารที่เป็นผู้มีรายได้น้อยตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566

ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ ยึดมั่นหลักธรรมภิบาล พร้อมดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าได้อย่างเข้มแข็ง.

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

สตาร์ทอัพหุ่นยนต์ทำอาหารจากจีนเข้าถึงญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
https://www.thaiquote.org/content/249125

จีนยุติการกักกันโควิดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
https://www.thaiquote.org/content/249134

เทคโนโลยีใหม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำจืดที่ไร้ขีดจำกัด
https://www.thaiquote.org/content/249112