8 วิตามิน "บำรุงร่างกาย" กินอย่างไรได้ประโยชน์สูงสุด

by ThaiQuote, 14 สิงหาคม 2562

หนุ่มสาวสมัยนี้ ทำงานหนักและไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ด้วยเวลาที่มีน้อยและไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเอง หลายคนเลยมีอาการร่างกายอ่อนเพลียเนื่องจากร่างกายขาด วิตามิน บางชนิดไป

ถ้ายิ่งปล่อยไว้นาน ร่างกายก็ยิ่งขาดวิตามิน ที่สำคัญ นั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายก่อเกิดอาการอ่อนล้าและอ่อนเพลีย บางคนจึงเลือกกินวิตามินเสริมร่างกาย แต่วิตามินแต่ละชนิดก็มีช่วงเวลาในการกินไม่เหมือนกัน หากอยากได้ประโยชน์สูงสุดจากการกินวิตามิน ควรเช็กเวลากัน ว่าแต่ละชนิดควรกินตอนไหน ถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด มาดูกัน

0. วิตามินกลุ่มละลายในไขมัน (A, D, E, K)
เป็นกลุ่มวิตามินพวกที่แพร่กระจายและถูกสะสมไว้ในไขมัน สารอาหารเหล่านี้จำเป็นกับการรักษาการทำงานและการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นปกติ

: ควรกินพร้อมอาหารจะดีที่สุด แต่ไม่ควรทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ และควรจิบน้ำเปล่าระหว่างวันบ่อยๆ ดีสุดควรปรึกษาแพทย์หากต้องการกินวิตามินกลุ่มนี้

 

0. วิตามิน B
เป็นวิตามินที่ช่วยบำรุงประสาท บำรุงกล้ามเนื้อ แก้อาการเหน็บชา ตะคริว

: ควรกินก่อนอาหารเช้า จะได้ประโยชน์สูงสุด

 

- วิตามิน C
เป็นวิตามินพื้นฐาน สำหรับคนนอนดึก ผิวหมองคล้ำ เป็นหวัด ควรกินวิตามิน C แบบ 1000 mg / 1 เม็ด จะช่วยในเรื่องภูมิต้านทานร่างกายและการบำรุงผิวพรรณ แต่สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหวัดหรือภูมิแพ้บ่อย ควรทานวิตามินซี 2000 mg. หรือมากกว่านั้น แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย

: ควรกินหลังอาหารเช้า จะได้ประโยชน์สูงสุด

- วิตามิน Co Q10
เป็นวิตามีน ที่กระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายในอวัยวะที่ต้องใช้พลังงานมาก เช่น หัวใจ ไต ตับ และตับอ่อน ช่วยรักษาโรค ปวดศีรษะไมเกรน ลดความดันโลหิต ป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือดซ้ำ ชะลอการเกิดอาการของโรคพาร์กินสัน โรคเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาระบบประสาทของโรคเบาหวาน โรคกล้ามเนื้อเสื่อม และโรคจอประสาทเสื่อม และยังนำมาใช้ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในนักกีฬาอีกด้วย

: ควรกินหลังอาหาร เนื่องจากจะสามารถดูดซึมได้ดีขึ้น พร้อมกับไขมันในอาหารที่คุณรับประทานเช่นกัน

 

- ซิงค์ (Zinc)
ซิงค์หรือแร่ธาตุสังกะสี มีประโยชน์ในการช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น ลดการสะสมของคอเลสเตอรอล ช่วยรักษาโรคหวัดให้หายเร็วขึ้น ซิงค์หรือแร่ธาตุสังกะสีจะถูกดูดซึมได้ดี

: ควรกินตอนท้องว่าง แต่ในบางรายหากกินแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว อาจเลี่ยงไปกินพร้อมอาหารเลยก็ได้

 

- โพรไบโอติกส์ (Probiotics)
โพรไบโอติกคือเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้ลำไส้ทำงานมีประสิทธิภาพทำให้การขับถ่าย โดยเราจะได้รับโพรไบโอติกจากการกินอาหาร เช่น โยเกิร์ต กรีกโยเกิร์ต หรือกิมจิ ก็มีโพรไบโอติกเหมือนกัน แต่หากอยากกินแบบเป็นวิตามินเสริมให้ร่างกาย

: ควรกินหลังจากกินอาหารไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง

 

- สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed)
ในเมล็ดขององุ่นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เราแก่เร็วนั้นเอง โดยหากอยากให้ได้ผลสูงสุดในการกินสารสกัดจากเมล็ดองุ่น

: ควรจะกินก่อนการกินอาหารเช้า เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุดในเวลานี้

 

- คอลลาเจน (Collagen)
โดยปกติร่างกายมนุษย์จะมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว โดยคอลลาเจนจะทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับอวัยวะ และเมื่อเรามีอายุมากขึ้นร่างกายของเราก็จะผลิตคอลลาเจนน้อยลง ซึ่งเมื่อปริมาณคอลลาเจนลดลงก็จะส่งผลผิวพรรณของเรา เช่น เกิดริ้วรอย เกิดความหมองคล้ำ รวมถึงผิวไม่กระชับและหย่อนคล้อย

: ควรกินตอนท้องว่าง อาจเป็นก่อนมื้อเช้าหรือก่อนนอนก็ได้ โดยหากสามารถทานคู่กับวิตามิน C ก็จะได้ประโยชน์สูงกว่า อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีคอลลาเจนที่ผสมวิตามิน C ด้วย

อาหารมีผลต่อร่ายกายเราเป็นอย่างมาก การเลือกรับประทานอาหารที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ลดการเกิดโรคร้าย ช่วยให้เรามีอายุที่ยืนยาว เพราะฉะนั้น เรามาเริ่มดูแลตนเองตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อรักษาสุขภาพที่ดี

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ชาวสวนทุเรียนมาเลย์ ขายทุเรียนดัง “มูซังคิง” เดือนละ 22 ล้านบาท